เหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ สำกรับการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ซึ่งจังหวัดลำพูน มีผู้สมัครนายก อบจ. 2 คน จากพรรคประชาชน คือนายวีระเดช ภู่พิสิฐ และ นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน จากพรรคเพื่อไทย และเป็นอดีตนายก อบจ.ซึ่งนายอนุสรณ์ฯได้ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านนำเสนอนโยบายต่อยอดพัฒนาจังหวัดลำพูน โดยหาเสียงตามตลาดเช้า ตลาดช่วงเย็น และตามตลาดนัดเดินแจกใบปลิวแนะนำนโยบาย นอกจากนี้ยังได้เปิดเวทีปราศรัยบนรถหาเสียง ตระเวน ขอคะแนนจากพี่น้องชาวบ้าน ทั้งในพื้นที่ตัวเมืองลำพูน และพื้นที่อำเภอรอบนอกทุกวัน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ยังไม่มีแกนนำจากพรรคเพื่อไทย มาช่วยหาเสียง แต่ด้วยความที่เป็นอดีตนายก อบจ.และเป็นนักการเมือง รัฐมนตรีหลายสมัย ทำให้ชาวบ้านยังจำได้และให้การตอบรับเป็นอย่างดี
ขณะที่นายวีระเดช ภู่พิสิฐ ใช้ความขยันในการลงพื้นที่หาเสียงจากชาวบ้าน ตระเวนลงพื้นที่ขอคะแนนทั้งอำเภอใกล้ไกล โดยมีแกนนำจากพรรคประชาชนช่วยหาเสียงแทบไม่เส้นแต่ล่ะวัน ทั้งจัดขบวนปั่นจักรยาน เปิดเวทีหาเสียงที่มีผู้ช่วยหาเสียง ทั้งนายธนาธรฯ อ.ปิยะบุตร นายชัยธวัชฯ และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ขึ้นปราศรัย นำเสนอนโยบายใหม่ในการพัฒนาจังหวัดลำพูน เป็นทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดลำพูน ทั้งในตัวเมืองลำพูน และอำเภอรอบนอก หวังได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งเข้าไปบริหาร อบจ.ลำพูน
ด้านนายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน จากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง ตนและทีมงาน ผู้สมัคร อ.อบจ.ใช้วิธีเดินเข้าหาชาวบ้านตามตลาดช่วงเช้าและช่วงเย็น บางครั้งก็จะเดินตามตลาดนัดตั้งเวทีปราศรัยบนรถหาเสียงบ้าง แนะนำตัวและนโยบาย เนื่องจากวิถีชีวิตชาวบ้านจะเปลี่ยนไปในตัวเมืองลำพูน ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะออกไปทำงานมีแต่ผู้สูงอายุอยู่บ้าน ส่วนตามชนบทชาวบ้านก็ไปเข้าสวนทำงานอยู่ตามท้องไร่ท้องนา บางครั้งก็จะไปตามงานบุญ งานประเพณี งานวัดต่างๆในชุมชน เพื่อแนะนำตัวและนโยบายสานงานต่อ ก่องานใหม่ สร้างโครงสร้างทุกบริบทของจังหวัดลำพูนให้พร้อมพัฒนาต่อไปในอนาคต 4 ปี ส่วนผลงานการบริหาร อบจ.ที่ผ่านมาเราตั้งโจทย์การพัฒนา 10 ข้อ เราทำไปทั้งหมด 10 ข้อ แต่บางโครงการเป็นโครงการใหญ่ ต้องใช้เวลาจุดนี้ต้องเข้าไปสานต่องานให้เสร็จ นอกจากนี้ยังมีงานสำคัญ ที่ต้องสานต่อเช่นการรับถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ อบจงเพิ่งรับถ่ายโอนมา 3 เดือนก่อนที่จะหมดวาระ อันนี้ก็เป็นโครงการสำคัญที่จะต้องสานต่อให้แล้วเสร็จ เพื่อที่จะพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพให้ประชนเข้าถึงการบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึงต่อไปในอนาคต
นายอนุสรณ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองเห็นความสำคัญของการเลือกตั้งผู้บริหาร อบจ.ได้เข้ามาสนับสนุน ผู้สมัคร จึงเป็นโจทย์สำคัญในประเด็นที่ว่าจะทำอย่างไรให้ได้รับการสนับสนุนนโยบายการพัฒนาท้องถิ่นต่อเนื่องจากภาครัฐไปอีก ซึ่งหากไม่สามารถประสานไปยังรัฐบาลกลางได้จะทำให้ท้องถิ่นขาดโอกาสในการพัฒนาแบบต่อเนื่อง
ขณะที่นายวีระเดช ภู่พิสิฐ ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน จากพรรคประชาชน กล่าวถึงช่วงสุดท้ายของการหาเสียง ตนและทีมงาน ผู้สมัคร ส.อบจ.ลำพูน ยอมรับว่าเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ จะสื่อสารนโยบายให้กับชาวบ้านทั้งรูปแบบออนไลน์ และ ออนกราวน์ เน้นเดินเข้าหาชาวบ้านตามตลาด เพื่อแนะนำตัวและนโยบายเพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจในนโยบาย ต่างๆ และให้ชาวบ้านตื่นตัวเห็นความสำคัญการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่น ที่มีผลกับชีวิตประจำวันของชาวบ้าน การรณรงค์ของเราจะเน้นการสื่อสารนโยบายการพัฒนาจังหวัดลำพูน ซึ่งนโยบายที่ทำมาทีมงานได้มีการลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลนานเป็นปี เราดูว่าจังหวัดลำพูน ขาดอะไรหลังจากนั้นจึงได้มีการสรุปออกมาเขียนเป็นนโยบายจากความต้องการของพี่น้องชาวบ้าน ตรงนี้เราต้องการจะสื่อสารกับชาวบ้านเช่นการลงพื้นที่เก็บข้อมูล แต่ล่ะอำเภอจะไม่เหมือนกันแม้กระทั้งระดับตำบลระดับหมู่บ้าน มี่บริบทไม่เหมือกันเช่นบางพื้นที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซากติดต่อกันหลายปีแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เป็นต้น อย่างแรกถ้าเราได้เข้ามาบริหารก็จะทำโครงการป้องกันน้ำท่วมดีกว่านำงบประมาณมาแจกของตอนน้ำท่วม ช่วงโค้งสุดท้ายต้องรีบสื่อสารให้กับพี่น้องประชาชนว่านโยบายของเรา ทำเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาระยะยาว
ส่วนผลตอบรับจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลนานเป็นปีช่วงแรกๆยอมรับชาวบ้านก็ยังไม่รู้จัก แต่พอมีการเปิดตัวลงพื้นที่แนะนำตัวและแนะนำนโยบายเริ่มมีการตอบที่ดีจากชาวบ้านยกตัวอย่างวันก่อนได้ลงพื้นที่อำเภอทุ่งหัวช้าง ได้รับการตอยรับที่ดี ซึ่งจะต่างกับช่วงที่เปิดตัวรับสมัครช่วงแรกๆที่ชาวบ้านไม่ค่อยรู้จักแต่ตอนนี้เริ่มมีการตอบรับจากชาวบ้านและเริ่มความเข้าใจในนโยบายที่เรานำเสนอ
สำหรับสนามการเลือกตั้งนายก อบจ.ลำพูน หลังจากที่อดีตผู้บริหารพรรคก้าวไกล หรือพรรคประชาชนปัจจุบัน ได้เปิดเวทีแนะนำตัวนายวีระเดช ภู่พิสิฐ หรือ \"โกเฮง\" เป็นผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน และ ส.อบจ.ลำพูน ในนามพรรคฯ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมาทำให้สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ลำพูน มีความคึกคักขึ้นมาทันที สำหรับ\"โกเฮง\" ผู้สมัครนายก อบจ. ว่า เริ่มเข้ามาช่วยงานพรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2561 และช่วยงานพรรคตลอด ต่อมาโกเฮงได้รับเลือกเป็นหัวหน้าสาขาพรรคก้าวไกล จ.ลำพูน ซึ่งในการเลือกตั้งใหญ่ทำให้มี สส.พรรคก้าวไกล จ.ลำพูน 1 คน คือนายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จ.ลำพูน ที่สามารถล้มผู้สมัครจากพรรเพื่อไทย นายสงวน พงษ์มณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 5 สมัย
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปจังหวัดลำพูน หลายครั้งที่ผ่านมา จังหวัดลำพูน มีผู้มาใช้สิทธิ์มากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมา ในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคฯได้คะแนนจากพี่ น้องลำพูนไป 60,000 กว่าคะแนน เลือกตั้งปี 66 ได้ 120,00 คะแนน ทำให้พรรคประชาชนมีความมั่นใจสูงในการส่งผู้สมัครชิงนายกอบจ.ลำพูน โดยมีฐานเสียงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้โกเฮง ยังเป็นบุตรชายของโกเก๊า หรือนายประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายก อบจ.ลำพูน และอดีตประธานหอการค้า จังหวัดลำพูน
ขณะที่นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน อดีตเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน พรรคพลังประชาชน เป็นบุตรชายของนายณรงค์ วงศ์วรรณ หรือพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ อดีตหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม
นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน 4 สมัย เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 4 กระทรวง ได้แก่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (รัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม (รัฐบาล นายชวน หลีกภัย) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช) ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในประเทศฯ พ.ศ. 2563 เขาได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ซึ่งฐานเสียงนายอนุสรณ์ ส่วนใหญ่มาจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งนายอนุสรณ์ เป็นคนที่ติดดินเข้าถึงชาวบ้านในพื้นที่ได้ง่าย นอกจากนี้นานอนุสรณ์ มีความาสนิทสมกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งปัจจุบันพื้นที่เขต 2 จ.ลำพูน มี สส.พรรคเพื่อไทย 1 คน นายรังสรรค์ มณีรัตน์ น้องชายสถาพร มณีรัตน์ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 66 สามารถเอาชนะผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล นายชัชพีร์ วรรณาพิรัชย์ ไปได้ ทำให้การเลือกตั้งนายก อบจ.ลำพูน ครั้งนี้อาจจะเป็นการวัดกระแสพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ที่ต่างฝ่ายต่างมี สส.ในพื้นที่ จ.ลำพูน เหมือนกัน