วันนี้ (24 ม.ค.2568) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า เตรียมจะยื่นอุทธรณ์หลังจากผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางในเมืองซีแอทเทิลของรัฐวอชิงตัน สั่งยับยั้งคำสั่งฝ่ายบริหาร ที่จะมีผลยกเลิกการให้สัญชาติแก่ทุกคนที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินของสหรัฐฯ ซึ่งการยับยั้งจะมีผลชั่วคราวเป็นเวลา 14 วัน
อัยการสูงสุดรัฐวอชิงตัน ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เพราะการให้สัญชาติแก่คนที่เกิดในสหรัฐฯ ตราเป็นกฎหมายผ่านบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 14 ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 1868 ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายเพื่อพิจารณาความชอบธรรมของคำสั่งดังกล่าว จะทำให้รัฐบาลยังไม่สามารถบังคับใช้คำสั่งนี้ได้ จนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น
อ่านข่าว : เปิดสาเหตุ "โดนัลด์ ทรัมป์" ขวางได้สัญชาติโดยการเกิดในสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ หลังจากทรัมป์ลงนามคำสั่งดังกล่าวในวันแรกที่ดำรงตำแหน่ง นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จนถึงขณะนี้อัยการใน 22 รัฐและอีก 2 เมือง ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิจารณาให้ยับยั้งคำสั่งฝ่ายบริหารดังกล่าวแล้ว เช่นเดียวกับกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มที่เริ่มดำเนินการทางกฎหมาย
คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ฉบับนี้ จะมีผลให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ยอมรับสถานะพลเมืองของเด็กที่เกิดในสหรัฐฯ หากไม่มีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นพลเมืองอเมริกัน หรือเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวรในสหรัฐฯ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ต่อเด็กที่เกิดบนแผ่นดินสหรัฐฯ นับตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.นี้เป็นต้นไป
คำสั่งดังกล่าวยังส่งผลให้เด็กที่ไม่ได้รับสัญชาติอเมริกันมีความเสี่ยงที่อาจถูกเนรเทศ รวมถึงไม่ได้รับสิทธิ์ในการออกเลขประจำตัวประกันสังคม ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ด้วย
อ่านข่าว
"ทรัมป์" เซ็นคำสั่งเผยเอกสารคดีลอบสังหาร "จอห์น เอฟ. เคนเนดี"
ทำไมโลกยังไม่ลืม JFK ปริศนาการลอบสังหารผู้นำที่ไม่เคยคลี่คลาย