ส้มสไตล์ อาจไม่ถูกโฉลกกับเส้นทางการเมืองท้องถิ่น สนามเลือกตั้งนายก อบจ.นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2567 จนถึง 2568 พรรคประชาชน (ปชน.) ยังไม่สามารถคว้าชัยได้สัก “เก้าอี้” เดียว แม้ว่าจะมีการระดมสรรพกำลัง จากอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล “เอก” ธนาธร จึงรุ่งรืองกิจ, “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ “เท้ง”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน
แม้ในพื้นที่จะไม่แป๊ก มีคนรุ่นใหม่มารอต้อนรับ แต่คะแนนที่ได้มา “ไม่ปัง”พอที่จะเบียดเข้ามาแทรก “บ้านใหญ่” ตระกูลการเมืองในพื้นที่ ซึ่งฝังรากลึกอยู่ในพรรคการเมืองใหญ่มานาน แม้ช่วงโค้งสุดท้าย “ขุนพล” ของพรรคประชาชนจะสลับสับเปลี่ยนการลงพื้นที่แห่ง “ความหวัง” เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ในภูมิภาคต่าง ๆ แต่กลับยังไม่มีสัญญาณตอบรับ
ธนาธร ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคประชาชน เคยบอกว่า พรรคประชาชนส่งผู้สมัคร อบจ. ทั่วประเทศ 17 จังหวัด ภาคใต้ส่งผู้สมัครที่ จังหวัดสงขลา พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี
“เราต้องการชนะเพื่อแสดงฝีมือในจังหวัดภาคใต้ในการขับเคลื่อนจัดสรรงบประมาณในระดับจังหวัด แม้งบประมาณจะไม่มาก แต่จะจัดสรรให้มีประสิทธิภาพ จะทำให้จังหวัดต่าง ๆ มีระบบบริการสาธารณะดีขึ้น”
หากย้อนกลับไปดูพื้นที่ภาคใต้ ขณะในพื้นที่ภาคใต้พบว่า พรรคประชาชน ส่งผู้สมัครนายก อบจ.ในภาคใต้ 4 จังหวัด คือ พังงา, ภูเก็ต ,สุราษฎร์ธานีและสงขลา โดยค่ายส้มหวังผลที่จ.ภูเก็ต เนื่องจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 กวาดสส.ได้ยกจังหวัด
ในครั้งนี้จึงส่ง “หมอโอ”นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล เป็นผู้สมัครนายก อบจ.ภูเก็ต ซึ่งพรรคประชาชนเปิดตัวเป็นคนแรก แต่ต้องมาเจอกับ “ เรวัต อารีรอบ” อดีตนายก อบจ.ภูเก็ต แชมป์เก่า
ขณะที่ จ.สุราษฎร์ธานี ส่ง “หมอมุดสัง” นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ ผู้สมัคร อบจ.สุราษฎร์ธานี โดยพื้นที่นี้ “ทิม” พิธา เพิ่งลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดย “หมอมุดสัง”ต้องเจอกับกลุ่มพลังสุราษฎร์ คือ “ป้าโส” โสภา กาญจนะ ภรรยา “ชุมพล กาญจนะ” อดีต สส.หลายสมัย ที่ในรอบนี้ลงแข่งขันในนามอิสระ
และ"กำนันศักดิ์" พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีต นายก อบจ.สุราษฎร์ฯ สายตรง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่รอบนี้ลงแข่งในนาม "กลุ่มคนรักสุราษฎร์" หาก “หมอมุดสัง” ฝ่าเข้ามาได้ก็หืดขึ้นคอเลยทีเดียว
ขณะที่สุทธิโชค ทองชุมนุม ผู้สมัครนายก อบจ.พังงา และนิรันดร์ จินดานาค ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา คงยากที่จะเอาชนะตัวแทน “บ้านใหญ่” ด้วยเช่นกัน
สำหรับพื้นที่อีสาน หลังจากพรรคประชาชนแพ้เลือกตั้งนายกอบจ.ที่ อุดรธานี และอุบลราชธานี การพลิกกลับมาชนะในจังหวัดมุกดาหาร “สนามเดียว” ที่ยังเหลือค่ายส้มส่ง ทนายเล็ก “สุพจน์ สุอริยพงษ์” ผู้สมัครนายก อบจ.มุกดาหาร เหมือนงบเข็มในมหาสมุทร
ด้วยเหตุต้องเจอ “บุญฐิณ ประทุมลี” จากพรรคเพื่อไทย แล้วยังเจอบ้านใหญ่ตระกูล “ทองผา” ส่ง "วีระพงษ์ ทองผา" อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมุกดาหาร พี่ชายของ”วิริยะ ทองผา” สส.มุกดาหาร เขต 1พรรคพลังประชารัฐ ลงสู้ศึก
“ทนายเล็ก” คนโคราช อยู่ใต้เงาบ้านใหญ่ตระกูล “ทองผา” เคยสงสมัครอบจ.ในนามคณะก้าวหน้า ก็แพ้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
กลับมาที่ภาคกลาง ก่อนช่วงโค้งสุดท้าย วันนี้ ( 22 ม.ค.2568) พรรคประชาชนนครนายก จัดเคมเปญ “ได้เวลา “ทิม พิธา”เยือนนครนายก เพื่อช่วย “จิม” จักรพันธุ์ จินตนาพากานนท์ ผู้สมัครนายก อบจ.นครนายก หาเสียง เดินสายตั้งแต่ ร้านกาแฟ ยันตลาดนัดอีก 3 แห่ง
แม้“จิม” จักรพันธ์ ถือเป็นตัวเต็งพรรคประชาชน แต่ต้องพบศึกหนักเพราะต้องเจอบ้านใหญ่ “กิติธเนศวร” และตัวแทนจากค่ายน้ำเงิน ที่ผนึกกำลังร่วมต้าน
เสร็จภารกิจจาก จ.นครนายก ในวันเดียวกัน “ทิม พิธา” มาเดินสายหาเสียงต่อที่จ.นนทบุรี แม้จะมีผุดเคมเปญ “พิธามานนท์ ประชาชนมาเลย” ส่ง “เลิศมงคล วราเวณุชย์”ลงชิงนายก อบจ.นนทบุรี และก็หวังอาจได้เก้าอี้นายอบจ.ไปครองด้วยเหตุการณ์เลือกตั้งสนามใหญ่ครั้งที่ผ่านมา สามารถกวาดสส.ได้ยกจังหวัด
แม้ก่อนหน้านี้ “เท้ง” ณัฐพงษ์ จะลงมาช่วยหาเสียงไปแล้ว แต่กระแสยังเงียบ และสนามเมืองนนท์ก็ไม่หมู เพราะอดีตนายกอบจ.เก่า “พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ” ผู้สมัครกลุ่มผึ้งหลวง ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน แม้ “ทิม”พิธา จะมาช่วยปิดจ็อบก็ตาม
สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออก 7 จังหวัด พรรคประชาชน ส่งผู้สมัครนายก อบจ. ภาคตะวันออก ครบทั้งหมด คือ ชุดาภัค วสุเนตรกุล ผู้สมัครนายก อบจ.ชลบุรี ,ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้สมัครนายก อบจ.ระยอง, มานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.จันทบุรี
และจำรูญ สวยดี ผู้สมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี ,ชลธี นุ่มหนู ผู้สมัครนายก อบจ.ตราด, ธีรพล มหาดเล็ก ผู้สมัครนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา , และจักรพันธุ์ จินตนาพากานนท์ ผู้สมัครนายก อบจ.นครนายก
แต่ในกลุ่มจังหวัดลุ่มน้ำภาคตะวันออก มีการประเมินว่า พรรคประชาชน มีแนวโน้มสูงว่าอาจพ่ายราบคาบให้ “บ้านใหญ่”
แม้จะมีความหวังว่า “ชลธี” น้องชาย ศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด พรรคประชาชน จะสามารถคว้าชัยได้ที่ จ.ตราด และมีโอกาสชนะ “วิเชียร ทรัพย์เจริญ” อดีตนายก อบจ.ตราด 5 สมัย และหัวหน้ากลุ่มลูกเมืองตราดได้ เข้าของสโลเกน “สานงานต่อ ก่องานใหม่ เชื่อมือ เชื่อใจ” ได้
ยกเว้นเกิดเหตุการณ์พลิกล็อค คนเสื้อเหลืองเทคะแนนช่วย อาจทำให้ “ชลธี” พ่ายได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.2568 นี้ แม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะขอความร่วมมือจากภาคเอกชน สภาหอการค้า อุตสาหกรรมและโรงงาน อนุญาตให้ลูกจ้างลาไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ก็ตาม และหากมีผู้มาใช้สิทธิน้อยโอกาสที่พรรคสีส้มจะได้คะแนนจากคนกลุ่มวัยทำงานก็จะลดลงด้วย
ไม่ต่างจากสิ่งที่ “ธนาธร”ยอมรับกลาย ๆ ว่า ยังนึกไม่ออกว่า จะมีใครยอมทิ้งรายได้วันเสาร์มาใช้สิทธิเลือก ตั้ง โดยเฉพาะลูกจ้างรายวัน เพราะแม้แต่บริษัทในเครือไทยซัมมิท ซึ่งไม่ทราบว่าจะหยุดงานวันเสาร์เพื่อให้พนักงานไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่
“ผมไม่รู้เลย ไม่ได้ยุ่งกับบริษัทมาหลายปีแล้ว” ธนาธร ระบุ
อ่านข่าว:
ชำแหละวาทกรรม “ทักษิณ ชินวัตร ” อหังการ 17 ปี ไม่เคยเปลี่ยน
“กาสิโน” ภัยอำพราง ดันไทยขึ้นแท่น “ฮับ” ฟอกเงิน-ทุนสีเทา
ไม่สิ้น ”มนต์ขลัง” ทักษิณ-บ้านใหญ่ 10 จังหวัด นายก อบจ.ชนะชัวร์