ความคืบหน้ากรณีแอปพลิเคชัน Jagat เปิดกิจกรรมให้ผู้ใช้งานแอปฯ ร่วมค้นหาเหรียญในสถานที่ต่าง ๆ ตามพิกัดที่ปรากฏในแอปฯ เพื่อแลกเงินรางวัล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างจับตาในกิจกรรมและการบริการของแอปฯ ดังกล่าว
ล่าสุด วันนี้ (22 ม.ค.2568) นายเอกพงษ์ พริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ให้สัมภาษณ์ในรายการสถานีประชาชน ไทยพีบีเอส ถึงกรณีดังกล่าว
นายเอกพงษ์ ระบุว่า เมื่อเปิดใช้แอปฯ และผู้ใช้ได้อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลของโทรศัพท์ เช่น ตำแหน่งหรือข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งเมื่ออนุญาตจะเป็นการเปิดให้ผู้พัฒนาแอปฯ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
นายเอกพงษ์ พริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
แรกเริ่มแอปฯ นี้ ทางอินโดนีเซียเปิดให้บริการในรูปแบบของการให้ผู้ใช้สามารถดูตำแหน่งระหว่างผู้ใช้ด้วยกัน จากนั้นจึงมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น กิจกรรมค้นหาเหรียญ ทั้งนี้การใช้งานแอปฯ และผู้ให้อนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่งจากจีพีเอส จุดหนึ่งอาจเป็นการนำข้อมูลนำมาวิเคราะห์ เช่น กรณีของประเทศจีนมีการเก็บข้อมูลตำแหน่งของผู้ใช้งานและนำมาใช้ปรับปรุงบริการ เช่น ใช้รวบรวมข้อมูลเพื่อดูจุดที่ประชาชนใช้จักรยานหนาแน่น และจัดตั้งจุดจอดจักรยานเพื่อให้บริการประชาชน
แต่ข้อควรระวังเมื่อข้อมูลรั่วไหลแล้วนั้น ไหลไปที่ใคร ใช้ทำประโยชน์อะไร ส่วนเรื่องอื่น ๆ คือการบุกรุก ก็สามารถแจ้งตำรวจได้ ซึ่งเรื่องนี้มี 2 มุม
นายเอกพงษ์ ยังระบุว่า การใช้งานแอปฯ ดังกล่าว หากพบว่ามีเรื่องผิดกฎหมายที่ชัดเจน สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA โดย ก.ดีอี ซึ่งรับผิดชอบดูแลแอปฯ และแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะรวบรวมหลักฐาน และร่วมกับตำรวจเพื่อให้ทางแอปสโตร์ถอนการใช้งานแอปฯ ดังกล่าวได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งผิดกฎหมายที่ชัดเจน โดยกรณีที่หากกระทบกับบุคคลอื่นหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ตำรวจได้เฝ้าระวังอยู่แล้ว ขณะนี้กฎหมายมีอยู่แล้วขึ้นอยู่กับว่า มีความผิดและหลักฐานชัดเจน หรือมีความผิดหรือไม่
เรื่องนี้ต้องมีภูมิคุ้มกัน เช่น คนที่เล่นเกมอยู่แล้ว อยากเล่นเร็วก็อาจจะไปจ่ายเงินเพิ่ม ส่วนหนึ่งเป็นการตลาด หากอยู่ในรูปแบบถูกต้องก็เป็นอีคอมเมิร์ซประเภทหนึ่ง ซึ่งยังสามารถไปต่อได้ ตราบใดที่ไม่ผิดกฎหมายหรือเป็นช่องทางของมิจฉาชีพ ไม่กระทบสิทธิบุคคลอื่น ยังไปได้ในโลกดิจิทัลในโลกสมัยใหม่นี้
ตร.ไซเบอร์ จับตาแอปฯ เข้าข่ายพนันหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผย การเล่นกิจกรรมตามล่าหาเหรียญ Jagat ว่า ตำรวจไซเบอร์ได้แจ้งเตือนภัยผู้เข้าเล่นเกมผ่านแอปฯ ว่ามีความเสี่ยง เนื่องจากการสมัครเข้าเล่นต้องอนุญาตให้แอปฯ เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการติดตามพิกัด GPS ซึ่งมีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหล และอาจจะทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมาก่อเหตุร้ายได้
รวมถึงแอปฯ นี้การเข้าไปหาเหรียญในพื้นที่ อาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก ถ้าเป็นเวลากลางวันจำคุกไม่เกิน 3 ปี และถ้าเป็นเวลากลางคืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 - 100,000 บาท ในกรณีที่เข้าไปในเวลากลางคืน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.
จากการตรวจสอบแอปฯ ดังกล่าว พบว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มาจากประเทศอินโดนีเซีย จุดเด่นคือเปิดให้ผู้เล่นได้เล่นเกมเหมือนล่าสมบัติในโลกเหมือนจริง โดยการนำเหรียญไปวางไว้ตามสถานที่ต่างๆ ทำให้ได้รับความนิยมเล่นกันเป็นจำนวนมาก
สำหรับประเทศไทยตรวจสอบพบว่า เปิดให้เล่นในพื้นที่สาธารณะใน 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และชลบุรีในพื้นที่เขตเมืองพัทยา
เบื้องต้นเกี่ยวกับบัญชีที่มีการโอนเงินกลับคืนมาให้กับผู้เล่น ทราบชื่อเจ้าของบัญชีแล้ว 3 คน ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบ
ผบช.สอท.ยังระบุถึงการเล่นเกมตามล่าหาเหรียญ Jagat ว่าในเรื่องของ พ.ร.บ.การพนันต้องดูรายละเอียดว่าเป็นลักษณะการเสี่ยงโชคหรือไม่ ส่วนจะเข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่ ต้องดูความการกระทำผิดมูลฐานการฟอกเงินมาก่อนหรือไม่
ปัจจุบันตำรวจยังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ ถ้าผู้เสียหายที่เล่มเกมและทำตามกติกาแล้ว แต่ไม่สามารถได้เงินตามที่ตกลงไว้ สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ และการโพสต์คลิปในโลกออนไลน์ถ้าไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.การพนัน การโฆษณาชักชวน ก็ไม่มีความผิด ขณะนี้ยังสามารถใช้งานแอปฯ ได้ปกติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปทดลองร่วมกิจกรรมหาเหรียญเพื่อดูพฤติการณ์แล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้เล่นพบเหรียญและสามารถแลกเงินจากกิจกรรมดังกล่าว ตำรวจ สอท.ได้เชิญมาให้ข้อมูลแล้ว 2 คน โดยให้การว่า ได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกและซื้อแพ็กเกจคำใบ้เข้าร่วมกิจกรรม เบื้องต้นยังไม่พบการกระทำความผิด
อย่างไรก็ตาม ตำรวจไซเบอร์เตือนประชาชนให้ระวังข้อมูลส่วนตัวที่สมัครเข้าไปร่วมเล่นเกมส์ในแอปฯ ดังกล่าว อาจจะถูกนำไปใช้กระทำความผิด หรือถูกควบคุมระบบโทรศัพท์ ดูดเงินจากบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิต อีกทั้งการเข้าถึงพิกัดที่อยู่ยังสามารถถูกติดตามตัวได้ง่ายและอาจจะเป็นช่องทางให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้เช่นกัน
อ่านข่าว : รู้จัก Jagat โซเชียลแอปฯ จากอินโดฯ กับฟีเจอร์ฮิต ล่าเหรียญแลกเงิน
กระแสล่าเหรียญ "Jagat" แลกเงิน - ตร.เฝ้าระวังอาชญากรรม
อินโดฯ เผชิญปัญหาล่าเหรียญ Jagat กระทบปชช.-พื้นที่สาธารณะเสียหาย