ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"โดพามีน" ขับเคลื่อนหัวใจ ไขความลับนิสัย "คนเจ้าชู้"

สังคม
20 ม.ค. 68
14:15
239
Logo Thai PBS
"โดพามีน" ขับเคลื่อนหัวใจ ไขความลับนิสัย "คนเจ้าชู้"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"เจ้าชู้" มักถูกมองในหลายมิติ บ้างก็ว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ บ้างก็ว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากวัฒนธรรมบริบททางสังคม คำถามสำคัญคือ การเจ้าชู้ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายพันธุ์จริงหรือไม่ ? หรือเป็นเพียงผลข้างเคียงบทบาทของ "โดพามีน" ที่ตอบสนองความสุขชั่วคราว

วิวัฒนาการของการขยายพันธุ์

มุมมองทางชีววิทยา พฤติกรรมการเจ้าชู้ของมนุษย์ถูกมองว่าเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายพันธุ์ Charles Darwin นักวิทยาศาสตร์ผู้เสนอทฤษฎีวิวัฒนาการ ชี้ให้เห็นว่า การเลือกคู่ครอง (Mate Selection) เป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับการส่งต่อยีนที่เหมาะสมไปยังรุ่นถัดไป มนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์อาจต้องแสดงออกถึงความสามารถหรือคุณลักษณะที่ดึงดูดใจเพศตรงข้าม เช่น ความแข็งแรง ความฉลาด หรือความสามารถในการหาอาหาร เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีลูกที่มีคุณภาพ

ในบริบทเรื่อง "การเจ้าชู้" อาจเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มนุษย์ใช้เพื่อแสดงศักยภาพหรือสร้างความสนใจ การแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสบตา การพูดเล่น หรือการสัมผัสเบา ๆ อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์และการขยายพันธุ์ แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนกลับมองว่าพฤติกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงการตอบสนองต่อแรงผลักดันทางชีวภาพเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรมที่ซับซ้อนอีกด้วย

10 สัตว์ที่เจ้าชู้ที่สุดในโลกธรรมชาติ 

โลกของสัตว์เต็มไปด้วยพฤติกรรมที่หลากหลาย แต่ถ้าพูดถึง "การเจ้าชู้" คุณอาจคิดว่าเป็นเรื่องของมนุษย์เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วสัตว์หลายชนิดมีพฤติกรรมที่น่าทึ่งไม่แพ้กันในการดึงดูดคู่ครอง พวกมันใช้ทุกวิธีตั้งแต่การร้องเพลง การเต้นรำ ไปจนถึงการสร้าง "ของขวัญ" เพื่อเอาใจคู่ของพวกมัน 

1.นกยูง โดยเฉพาะนกยูงเพศผู้ขึ้นชื่อว่าเป็น "เจ้าชู้ประจำป่า" พวกมันมีขนหางหลากสีที่สวยงามสะดุดตา และพวกมันจะกางขนหางออกมาโชว์เต็มที่ พร้อมส่ายไปมาราวกับเต้นระบำเพื่อดึงดูดนกยูงเพศเมีย การเลือกคู่ของนกยูงเพศเมียมักขึ้นอยู่กับความสวยงามของขนหางเป็นหลัก

2.ปลาปักเป้า ปลาปักเป้าญี่ปุ่นเพศผู้สร้าง "ผลงานศิลปะ" ใต้น้ำที่น่าทึ่ง โดยใช้ครีบวาดลวดลายทรายใต้ทะเลเป็นวงกลมซับซ้อนเพื่อดึงดูดตัวเมีย ความละเอียดของลวดลายเป็นสิ่งที่ตัวเมียใช้ตัดสินใจว่าตัวผู้เหมาะสมหรือไม่

3.นกฟลามิงโก ก่อนจะเลือกคู่ นกฟลามิงโกจะรวมตัวกันในกลุ่มใหญ่และเริ่มเต้นรำแบบซิงโครไนซ์ พวกมันจะยกขา โยกหัว และสะบัดปีกไปพร้อม ๆ กัน การเต้นที่ประสานกันนี้คือวิธีที่พวกมันใช้ดึงดูดคู่ครอง

4.แมวน้ำช้างเพศผู้ มักมีพฤติกรรมแสดงอำนาจเพื่อแย่งชิงตัวเมีย พวกมันจะต่อสู้กันอย่างดุเดือด พร้อมเปล่งเสียงดังสนั่นไปทั่วชายหาด เพื่อประกาศความแข็งแกร่งและดึงดูดตัวเมียให้มาสนใจ

5.นกกิ้งโครงเพศผู้ เป็น "ศิลปินเสียงเพลง" ตัวจริง พวกมันมีความสามารถในการร้องเพลงหลากหลายเสียงและสามารถเลียนเสียงรอบตัวได้ เช่น เสียงนกชนิดอื่น เสียงมนุษย์ หรือแม้กระทั่งเสียงเครื่องจักร เพื่อสร้างความประทับใจให้เพศเมีย

6.ม้าน้ำ พฤติกรรมเจ้าชู้ของม้าน้ำเริ่มต้นด้วย "การเต้นรำใต้น้ำ" โดยพวกมันจะว่ายน้ำขนานกัน พร้อมเกี่ยวหางไว้ด้วยกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง เพื่อสร้างความผูกพันก่อนจะผสมพันธุ์

7.กบลูกศรพิษ กบตัวจิ๋วเหล่านี้อาจดูไร้พิษภัย แต่ตัวผู้กลับเป็นฝ่ายแสดงออกด้วยการร้องเสียงดังและกระโดดโลดเต้นเพื่อดึงดูดตัวเมีย ยิ่งร้องดังเท่าไหร่ โอกาสที่จะชนะใจตัวเมียก็ยิ่งมากขึ้น

8.นกบาวเออร์ นกชนิดนี้เป็นเหมือน "นักจัดบ้านมือหนึ่ง" ตัวผู้จะสร้างรังที่ประดับด้วยของสีสดใส เช่น ดอกไม้ ก้อนหิน หรือแม้แต่ฝาขวด เพื่อดึงดูดตัวเมีย การเลือกคู่ของตัวเมียมักขึ้นอยู่กับความงดงามและการจัดวางรังของตัวผู้

9.นกอัลบาทรอส มีการเต้นรำที่ซับซ้อนเพื่อหาคู่ พวกมันจะเดินวนรอบคู่เต้น ร้องเพลง และสะบัดปีกไปพร้อม ๆ กัน การแสดงนี้เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งก่อนการผสมพันธุ์

10.ปลาหมึกยักษ์เพศผู้ เป็นนักเจ้าชู้ที่ใช้ "แขน" ในการดึงดูดคู่ครอง พวกมันจะเปลี่ยนสีตัวเองและแสดงท่าทางที่ดึงดูดสายตาของตัวเมีย เช่น การพ่นน้ำ หรือขยับแขนเพื่อเรียกร้องความสนใจ

"โดพามีน" ดาบ 2 คมของ "คน" เจ้าชู้

ลองจินตนาการว่าถ้าเราส่งยิ้มให้คนที่เรากำลังสนใจแล้วเขายิ้มตอบกลับมา แน่นอนว่าต้องมีอาการหัวใจเต้นแรง สมองรู้สึกเหมือนถูกจุดพลุ นั่นคือโดพามีนกำลังทำงาน

สารสื่อประสาทตัวนี้คือ สิ่งที่ทำให้มนุษย์รู้สึกดีทุกครั้ง โดพามีนไม่ได้แค่ทำให้คุณยิ้มไปกับความสุขชั่วครู่ แต่มันยังส่งสัญญาณไปยังระบบรางวัลในสมองว่า "ยอดเยี่ยม! ทำแบบนี้อีกนะ!" นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการสบตาหรือการพูดคำหวาน ๆ จึงทำให้เรารู้สึกพิเศษเหมือนเป็นตัวเอกในซีรีส์รักโรแมนติก

สิ่งที่น่าสนใจคือ การปล่อยโดพามีนไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตอนที่เราประสบความสำเร็จในการหว่านเสน่ห์เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในช่วงที่เราคาดหวังด้วย ลองคิดดูว่า ตอนที่คุณแอบสบตาคนที่น่าสนใจ สมองของคุณก็เริ่มสร้างภาพในหัวว่า "ถ้าเขาสบตากลับมาจะเป็นยังไงนะ ?" แค่จินตนาการเพียงแค่นั้นก็เพียงพอให้โดพามีนถูกกระตุ้นออกมา เป็นเหมือนการให้รางวัลล่วงหน้าเพื่อกระตุ้นให้เรากล้าเสี่ยงและลองทำ

แต่โดพามีนไม่ได้แค่ทำให้เรา "เจ้าชู้" เท่านั้น มันยังเป็นตัวช่วยในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวด้วย นักวิทยาศาสตร์พบว่า เมื่อเราอยู่ในความสัมพันธ์ที่ทำให้เรามีความสุข โดพามีนจะช่วยเชื่อมโยงเราเข้ากับคนที่เรารัก การเจ้าชู้จึงอาจเป็นเหมือนประตูแรกที่เปิดไปสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าในระยะยาว โดพามีนไม่ได้เป็นเพียง "ฮอร์โมนความสุขชั่วคราว" แต่มันช่วยสร้างรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่มั่นคงด้วย

อย่างไรก็ตาม โดพามีนก็มีด้านมืดของมัน หากเราปล่อยให้มันควบคุมพฤติกรรมมากเกินไป อาจทำให้เราเจ้าชู้แบบไม่ลืมหูลืมตา ลองนึกภาพว่าคุณสนใจทุกคนที่เดินผ่านเพียงเพราะสมองบอกว่า "ทำแบบนี้แล้วสนุก" นี่คือจุดที่โดพามีนอาจนำไปสู่ปัญหา ทั้งในแง่ความสัมพันธ์และความเข้าใจผิดในสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ การรับรู้ถึงบทบาทของโดพามีนและการควบคุมมันจึงเป็นสิ่งสำคัญ

"เจ้าชู้" เรื่องทางสังคมหรือธรรมชาติของมนุษย์ ?

ถึงแม้ว่าพฤติกรรมการเจ้าชู้จะมีรากฐานจากธรรมชาติ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าปัจจัยทางสังคมมีบทบาทสำคัญเช่นกัน วัฒนธรรมและบริบทของแต่ละสังคมมักกำหนดว่า "การเจ้าชู้" เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ ในบางวัฒนธรรม การเจ้าชู้อาจถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมที่น่ารักและน่าสนุกสนาน ขณะที่ในบางวัฒนธรรม การกระทำดังกล่าวอาจถูกมองว่าไม่เหมาะสมและขัดต่อศีลธรรม

นอกจากนี้ การเจ้าชู้ยังเกี่ยวข้องกับบทบาททางเพศและความคาดหวังของสังคม เช่น ผู้ชายอาจถูกสนับสนุนให้แสดงออกถึงความมั่นใจและเจ้าชู้เพื่อแสดงศักยภาพ ในขณะที่ผู้หญิงอาจถูกกดดันให้รักษาความสุภาพเรียบร้อย นี่คือเหตุผลที่พฤติกรรมการเจ้าชู้มีความหลากหลายและซับซ้อนขึ้นอยู่กับบริบทที่เกี่ยวข้อง

การเจ้าชู้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีของการเจ้าชู้คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและเพิ่มโอกาสในการค้นหาคู่ครองที่เหมาะสม มันยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองและกระตุ้นความสุขในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมนี้อาจมีข้อเสีย เช่น การถูกมองว่าไม่จริงใจ หรือในบางกรณีอาจนำไปสู่ความขัดแย้งหรือความเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ การเจ้าชู้ที่มากเกินไปอาจทำลายความไว้วางใจในระยะยาวได้

ดังนั้น แม้คุณจะมีนิสัยเจ้าชู้ แต่การมีความรับผิดชอบคือสิ่งสำคัญ การสื่อสารอย่างชัดเจนและการคำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายสามารถช่วยลดผลกระทบในด้านลบได้

การเจ้าชู้อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายพันธุ์ของมนุษย์ในแง่ของการสร้างความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่สามารถมองว่าเป็นเพียงพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อธรรมชาติเพียงอย่างเดียวได้ เพราะปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม และความซับซ้อนของสมองมนุษย์ล้วนมีบทบาทสำคัญ นักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาต่อไปเพื่อหาคำตอบที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมนี้ สิ่งที่แน่นอนคือ โดพามีนยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้การเจ้าชู้กลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานและน่าดึงดูดใจ

แหล่งที่มา : 

- Charles Darwin. "The Descent of Man, and Selection in Relation to Sex."
- Fisher, H. E., Aron, A., & Brown, L. L. (2006). "Romantic love: An fMRI study of a neural mechanism for mate choice." The Journal of Comparative Neurology.
- University of California, Berkeley. "Dopamine and Social Behavior Research."
- Sapolsky, R. M. "Behave: The Biology of Humans at Our Best and Worst."

อ่านข่าวอื่น : 

พิธีสาบานตน "โดนัลด์ ทรัมป์" บอกนัยอะไรให้กับโลก?

เปิดกำหนดการ-คำสาบานตน "โดนัลด์ ทรัมป์" รับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง