ในปัจจุบัน โรคมะเร็ง ยังคงเป็น 1 ในปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ความรุนแรงของโรคนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ตัวผู้ป่วย แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว เศรษฐกิจ และระบบสาธารณสุขโดยรวม ข้อมูลจาก สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่าทุกปีมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่าแสนราย สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันและจัดการปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
1 ในปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการเกิดโรคมะเร็ง คือ "การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งในระดับโมเลกุลและระดับเซลล์ แม้ว่าคนส่วนใหญ่อาจทราบว่าแอลกอฮอล์มีผลเสียต่อสุขภาพ แต่ข้อมูลที่เจาะลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแอลกอฮอล์และมะเร็งยังคงไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากพอ ทำให้หลายคนยังคงบริโภคแอลกอฮอล์ในระดับที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคโดยไม่รู้ตัว
สถิติมะเร็งในประเทศไทย
ด้านข้อมูลของสถาบันมะเร็งนานาชาติ องค์การอนามัยโลก (WHO - GLOBOCAN) ในปี พ.ศ.2564 พบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งในประเทศไทยที่มีปัจจัยเสี่ยงมาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 6,659 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.5 ของอุบัติการณ์มะเร็งทั้งหมดในประเทศ โดยมะเร็งเต้านมในผู้หญิงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มมะเร็งที่สัมพันธ์กับแอลกอฮอล์ (188.3 คน/ประชากรหญิง 100,000 คน) รองลงมาคือมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชาย (72.9 คน/ประชากรชาย 100,000 คน)
จากข้อมูลจากองค์กรนานาชาติเพื่อการวิจัยด้านมะเร็ง (IARC) ระบุว่า ในปี 2563 มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 741,000 คนทั่วโลกที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์ โดย 3 ใน 4 ของผู้ป่วยเหล่านี้เป็นผู้ชาย
ในประเทศไทย ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคระบุว่า ปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ต่อประชากรผู้ใหญ่ในปี 2560 อยู่ที่ 6.95 ลิตรของแอลกอฮอล์บริสุทธิ์/คน/ปี และมีแนวโน้มลดลงในปีต่อมา
กลไกการเกิดมะเร็งจากแอลกอฮอล์
การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด โดยมีหลักฐานชัดเจนว่าแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลไกในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการก่อมะเร็ง การเผาผลาญเอทานอลในแอลกอฮอล์จะสร้างสารอะซีทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde) ซึ่งเป็นสารพิษที่ทำลายดีเอ็นเอและโปรตีนในเซลล์ อีกทั้งแอลกอฮอล์ยังเพิ่มระดับของ Reactive Oxygen Species (ROS) ที่ทำลายเซลล์ในร่างกายผ่านกระบวนการออกซิเดชัน และส่งผลให้ระบบเผาผลาญโฟเลตและวิตามินในร่างกายผิดปกติ
"อะเซทัลดีไฮด์" ตัวการร้ายทำลายดีเอ็นเอและเซลล์
อะเซทัลดีไฮด์มีฤทธิ์ทำลายดีเอ็นเอ (DNA) ซึ่งเป็นรหัสพันธุกรรมของเซลล์ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในดีเอ็นเอ และหากเซลล์ที่มีดีเอ็นเอกลายพันธุ์นี้แบ่งตัวและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่ควบคุม ก็จะนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้
เอสโตรเจนเพิ่ม ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งเต้านมเพิ่มตาม
แอลกอฮอล์มีผลต่อการเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์เต้านม การมีระดับเอสโตรเจนสูงเกินไปเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้
การสร้าง Reactive Oxygen Species (ROS) ตัวการทำลายเซลล์
เมื่อร่างกายเผาผลาญแอลกอฮอล์จะเกิดอนุมูลอิสระ (Free radicals) หรือ Reactive Oxygen Species (ROS) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรและมีปฏิกิริยามาก ทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ต่าง ๆ รวมถึงดีเอ็นเอซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การเกิดมะเร็ง
การขาดโฟเลต กระทบต่อการซ่อมแซมดีเอ็นเอ
แอลกอฮอล์ยังรบกวนการดูดซึมและการใช้โฟเลต ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ เมื่อร่างกายขาดโฟเลต ดีเอ็นเอที่เสียหายจะไม่สามารถซ่อมแซมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
กลไกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- การอักเสบเรื้อรัง แอลกอฮอล์กระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งเป็นสภาวะที่เอื้อต่อการเกิดมะเร็ง
- การเปลี่ยนแปลงระบบภูมิคุ้มกัน แอลกอฮอล์ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทมะเร็งที่มีความเสี่ยงสูงจากแอลกอฮอล์
- มะเร็งเต้านม การดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มระดับเอสโตรเจน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง 1.1-1.5 เท่า
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้อาหารผ่านลำไส้ช้าลง ทำให้สารก่อมะเร็งมีโอกาสสัมผัสกับเยื่อบุลำไส้นานขึ้น ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 1.2–1.6 เท่าหากดื่มเกิน 50 กรัม/วัน
- มะเร็งตับ แอลกอฮอล์ทำลายเซลล์ตับโดยตรง ทำให้เกิดภาวะตับแข็งและมะเร็งตับ การดื่มเกิน 14 หน่วยต่อสัปดาห์เพิ่มความเสี่ยง 1.5–3.6 เท่า
- มะเร็งหลอดอาหาร การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ระคายเคืองเยื่อบุหลอดอาหาร เกิดการอักเสบเรื้อรังและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2–3 เท่าหากบริโภคเกิน 50 กรัม/วัน
แนวทางการลดความเสี่ยงมะเร็งจากแอลกอฮอล์
หลักฐานทางวิชาการชี้ชัดว่า การลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิงสามารถลดอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังควรเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับโภชนาการ การออกกำลังกาย และการตรวจคัดกรองมะเร็งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสการรักษาในระยะเริ่มต้น
- ลดหรือเลิกดื่มแอลกอฮอล์ เป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อหาภาวะผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนจากพืช
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ
แม้ว่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อมะเร็งในประเทศไทย แต่ยังขาดการศึกษาที่เจาะลึกถึงกลไกและอุบัติการณ์ที่ชัดเจนในประชากรไทย การวิจัยเชิงลึกในเรื่องนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการกำหนดนโยบายสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพในการลดการบริโภคแอลกอฮอล์และป้องกันมะเร็งในอนาคต
การป้องกันและจัดการกับปัญหาโรคมะเร็งในประเทศไทยไม่ใช่เพียงแค่ความรับผิดชอบของบุคคล แต่ต้องเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและลดภาระโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, องค์การอนามัยโลก (WHO)
อ่านข่าวอื่น :
เตือนภัย! ดื่มสุราแก้หนาวเสี่ยง "ไฮโปเทอร์เมีย" อาจถึงตาย
จับตา กกพ.แจงเเนวทางลดค่าไฟเหลือหน่วยละ 3.70 บาท
เริ่มวันแรก Easy E-Receipt 2.0 ช้อปสินค้าลดหย่อนภาษี