ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“ซิงซิง” เหยื่อทุนจีนสีเทา ถึงคราวพึ่ง “ทักษิณ” ช่วยปราบ

อาชญากรรม
8 ม.ค. 68
16:04
183
Logo Thai PBS
“ซิงซิง” เหยื่อทุนจีนสีเทา ถึงคราวพึ่ง “ทักษิณ” ช่วยปราบ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ประเดิมรับปีใหม่ 2568 เช่นกัน สำหรับกลุ่มแก๊งจีนสีเทา ที่เข้ามายึดหัวหาดเครือข่ายธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่สร้างรายได้มหาศาล ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่ยังครอบคลุมกลุ่มประเทศในอาเซียน

ในจำนวนนี้ รวมทั้งการสร้างอาณาจักรเครือข่ายเครือข่ายการพนัน ทั้งโดยตรงและออนไลน์ ธุรกิจฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามเมืองใหม่ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ

รวมทั้งลงทุนในรูปเอ็นเตอร์เมนคอมเพล็กซ์ ตามแนวตะเข็บชายแดน สำคัญๆ อาทิ ชายแดนไทยกัมพูชา เลาจ์ก่ายในเขตปกครองโกกั้ง ชายแดนพม่ากับจีน หรือตะเข็บชายแดนไทยเมียนมาร์หลายจุด รวมทั้งชเวก๊กโก ไชน่าทาวน์ แห่งรัฐกะเหรี่ยง เมืองอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีการประสานผลประโยชน์ลงตัว ระหว่างทหารกะเหรี่ยงกับคนระดับ “บิ๊กทหาร” ของเมียนมา

ที่จริงไม่ใช่เรื่องใหม่ สำหรับการสยายปีกสร้างอาณาจักรสีเทาดำ ของเครือข่ายแก๊งอาชญากรข้ามชาติของจีนสีเทาในประเทศไทย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดาราจีน นายซินหลง หรือ “ซิงซิง” นักแสดงที่มีผลงานทั้งทางซีรีส์ และภาพยนตร์หลายเรื่อง หายตัวอย่างเป็นปริศนาในไทย ได้จุดพลุให้ประเทศไทย

สลัดภาพการเป็นทั้งศูนย์กลาง และเป็นทางผ่านของเครือข่ายแก๊งอาชญากรข้ามชาติไปไม่ได้ แต่ทำให้กลับมาคุโชน เป็นข่าวใหญ่อีกรอบ หลังจากก่อนหน้านี้ มีเหตุการณ์ใหญ่ในไทยหลายเรื่อง ก่อนจะเงียบหายไปราวกับเป่าสาก

นายหวังซิงและคนใกล้ชิด อ้างว่า เดินทางเข้ามารับงานแสดงในไทย มีข่าวว่า ไปปรากฏตัวแถวชายแดนไทย-เมียนมา แถว อ.แม่สอด จ.ตาก ทำเอาฝ่ายความมั่นคงของไทย ต้องตามควานหาตัวกันให้ควั่ก

สุดท้ายได้รู้ว่า ไปอยู่ที่ชเวก๊กโก ฝั่งจ.เมียววดี ประเทศเมียนมาร์ ก่อนจะถูกส่งตัวกลับให้เจ้าหน้าที่ไทย ผ่านทางช่องทางธรรมชาติ แทนที่จะเป็นด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะชเก๊กโกและพื้นที่ชายแดนแถบนี้ อยู่ภายใต้อิทธิพลของกำลังทหารกะเหรี่ยง ไม่ใช่กองทัพเมียนมา

ชเวก๊กโก เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ที่มีผลประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะคาสิโนและกิจการสีเทามากมาย ชนิดที่อดีตคนในเครื่องแบบของไทย และเคยใหญ่ในพื้นที่ชายแดนแถบนี้ มีชื่อเข้าไปลงทุนในฝั่งเมียนมาร์เช่นกัน

แต่กลุ่มลงทุนใหญ่เป็นทุนจีนสีเทา ไม่เพียงคาสิโนที่เรียกดูดเงินจากนักเสี่ยงโชคทั้งไทยและเทศเท่านั้น ยังเป็นที่ทราบกันดี สำหรับการเป็นที่ตั้งศูนย์ใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกเอาเงินทองของเหยื่อในประเทศไทยนักต่อนัก แต่ทางการไทยไม่สามารถทำอะไรได้

แม้ครั้งหนึ่งมีข่าว “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อครั้งยังเป็น รอง ผบ.ตร. ได้ประสานขอความร่วมมือจากทางฝั่งเมียนมา เพื่อจัดการกับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งที่เลาก์ก่าย ระบุชัดว่ามีคนไทยให้ความร่วมมือในหลายระดับ แต่ก็ได้แค่ประสานขอความร่วมมือ มากกว่านั้นทำไม่ได้

กรณีนายหวังซิง ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผลกระทบต่อภาพพจน์และการท่องเที่ยวของไทย เพราะเป็นช่วงที่ภาคการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน ที่เป็นป้าหมายหลัก เพราะมีการนำเสนอข่าวเรื่องนี้โดยสื่อจีน เรื่องความไม่ปลอดภัยในประเทศไทย จนนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา ต้องพยายามเทคแอคชั่น แต่ก็ทำได้เพียงแค่ฝาก “ทูตจีน” เคลียร์ประเด็นปล่อยข่าวนักท่องเที่ยวไม่ปลอดภัยในไทยเท่านั้น

แม้การช่วยนายหวังซิงออกมาได้สำเร็จ และอยู่ระหว่างส่งกลับตัวประเทศ แต่เรื่องไม่จบเพียงแค่นี้ แม้จะอ้างว่าเป็น “คนจีนหลอกคนจีน” เพราะเจ้าตัวยอมรับว่า มีการสนทนาผ่านแอปวีแชต

ก่อนถูกหลอกโดยอ้างชื่อ เป็นบริษัทสร้างหนังยักษ์ใหญ่ของไทยค่ายหนึ่ง จึงหลงเชื่อเดินทางมาไทย และนั่งรถที่มารอรับที่สนามบินสุวรรณภูมิไปที่ อ.แม่สอด ก่อนมีคนมารับข้ามเขตแดนเข้าไปในเมียนมา เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจในประเทศไทย ใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการ ส่งผลกระทบมากมาย

คำถามสำคัญคือ ทางการไทยหรือตำรวจไทย มีมาตรการหรือแผนรับมือการเข้ามาสร้างและขยายเครือข่ายกิจการสีเทาในไทย ของกลุ่มคนจีนเหล่านี้อย่างไร หรือลืมไปแล้วว่า ช่วงปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เคยเดินหน้าแฉกลุ่มทุนจีนสีเทาแทบเป็นแทบตาย

กระทั่งมีการปิดล้อมตรวจค้นผับจินหลิง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ แหล่งมั่วสุมของทุนจีนสีเทา มีหลักฐานชัดเชื่อมโยงถึง “ตู้ห่าว” หรือชื่อไทย นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ซึ่งเป็นคนที่เคยบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่สมัยเป็นแกนนำรัฐบาล “ลุงตู่”

เคยสร้างวีรกรรมมากมาย รวมทั้งเผาสวนงูที่ภูเก็ต ให้บริวารทุบตี รปภ.จนพิการ ก่อนต่อมาเรื่องจะเงียบหายไปดื้อๆ หรือกรณีทุนจีนสีเทา ฮึกเหิมถึงขั้นขึ้นป้ายโฆษณาหรากลางกรุงเทพฯ รับซื้อขายสัญชาติและทำพาสปอร์ตให้กับคนจีน

ครั้งนั้นหลายฝ่ายเรียกร้องให้เอาผิดจริงจัง เพราะถือเป็นการท้าทายกฎหมายของไทย แต่จนแล้วจนรอด เรื่องเหล่านี้ก็ค่อยๆ เงียบหายไม่แพ้กัน

เมื่อหวังพึ่งใครไม่ได้ ถึงตอนนี้คงต้องฝากความหวังไว้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่กล้าประกาศบนเวทีหาเสียง อบจ.หลายเวที ย้ำหลายครั้งว่า มีศักยภาพ ความพร้อม และความสัมพันธ์กับผู้คนมากมาย รวมทั้งระดับผู้มีอำนาจในต่างประเทศ และที่เกี่ยวข้อง

พร้อมหาทางเจรจาและแก้ปัญหาให้ ทั้งเรื่องยาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่รู้ละเอียดว่ายึดทั้งเมียวดี และชั้น 2 บนตึก 25 ชั้น เมืองปอยเปต เป็นฐานที่มั่น ทั้งยังประกาศชัดจะเร่งออก พ.ร.ก.เพิ่มโทษ และเร่งการคืนเงินให้กับผู้ตกเป็นเหยื่อ “แก๊งมิจ”

หากทำได้จริงดังว่า ไม่ใช่แค่หาเสียง หรือพูดเรื่อยเปื่อยเอามัน เท่ากับถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์คำพูดแล้ว และหากทำสำเร็จ คะแนนนิยมยิ่งจะพอกพูนตามมา

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : ฝุ่น PM2.5 ระดับสีแดง คำเตือนงดออกกำลังกาย

วันเด็ก 2568 ปักหมุดสถานที่จัดงาน กับกิจกรรม-ของขวัญมากมาย

เด็กไทย คว้าแชมป์โลก แกะสลักหิมะนานาชาติ ปี 2025

ข่าวที่เกี่ยวข้อง