ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

TDRI ชี้เศรษฐกิจไทยปี68 “ไม่ตายแต่ไม่โต” มรสุมการค้า-สงครามทำโลกปั่นป่วน

เศรษฐกิจ
2 ม.ค. 68
13:06
385
Logo Thai PBS
TDRI ชี้เศรษฐกิจไทยปี68 “ไม่ตายแต่ไม่โต” มรสุมการค้า-สงครามทำโลกปั่นป่วน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ทีดีอาร์ไอ ชี้ปี “งูเล็ก” ภูมิรัฐศาสตร์ ทำเศรษฐกิจปั่นป่วนทั่วโลก สหรัฐฯ เปิดสงครามการค้า ตั้งกำแพงภาษี “ไทย”โดนด้วย ห่วง สินค้าจีนทะลักทุบราคา แนะรัฐบาล ใช้เงินอย่างคุ้มค่าอย่าเน้นมาตรการระยะสั้น เตรียม “กระสุน” รับความเสี่ยง

ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และ ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึง ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2568 ว่า ปีนี้มีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งคาดการณ์ว่าแนวนโยบายของสหรัฐฯจะทำให้เกิดความไม่แน่นอน และความปั่นป่วนในเศรษฐกิจโลก จากสงครามการค้า ที่สหรัฐฯจะขึ้นภาษีนำเข้า

ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

ซึ่งประเทศไทยเองก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย โดยสหรัฐฯเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปที่สหรัฐฯราว 18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย ดังนั้นไทยเองต้องเตรียมรับมือ หากถูกสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้า และกดดันให้นำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพื่อลดการขาดดุลกับไทย

การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เพ่งเล็งไปที่ประเทศที่สหรัฐฯขาดดุลการค้า ซึ่งในปี 2567 ไทยเป็นประเทศในอันดับที่ 12 ที่สหรัฐฯขาดดุลด้วย

โดยวิธีการลดขาดดุลของสหรัฐฯมี 2 วิธีคือ การขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากไทย และอาจจะมีเจรจาขอให้ไทยนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น ซึ่งสหรัฐฯต้องการขายสินค้าสินค้าเกษตรให้กับไทยมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหมู แต่ที่ผ่านมาไทยไม่อนุญาตให้นำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯเพราะมีสารเร่งเนื้อแดงเกินมาตรฐานที่ไทยกำหนด

ดังนั้นไทยจึงมีความเสี่ยงที่จะถูกบีบให้เปิดการนำเข้าเนื้อหมูและสินค้าสินค้าเกษตรอื่น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะส่งผลกับผู้เลี้ยงหมูในประเทศไทย ในขณะเดียวกันจะมีสินค้าจากจีนที่ถูกกำแพงภาษีสหรัฐฯกีดกันจะทะลักเข้าไทยมากขึ้น ส่งผลกระทบกับหลายธุรกิจในประเทศอย่าง เหล็ก ปิโตรเคมี พลาสติก และสิ่งทอ แต่จะเป็นผลดีกับธุรกิจที่นำเข้าวัตถุดิบ ชิ้นส่วน หรือเครื่องจักรจากจีน ที่นำไปต่อยอดผลิตสินค้าและบริการของตนเอง

ผอ.ทีดีอาร์ไทย กล่าวอีกว่า นโยบายอเมริกามาก่อน (America First) อาจส่งผลให้สหรัฐฯไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวัน ซึ่งสถานการณ์ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันอาจเพิ่มมากขึ้น และส่งผลต่อค่าระวางเรือขนส่งสินค้า จากญี่ปุ่น และจีนมาไทยแพงขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่งบริษัทในไต้หวันหลายแห่งเริ่มกังวลต่อความเสี่ยง จึงโยกย้ายธุรกิจจากไต้หวัน และจีนมาลงทุนในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงไทยมากขึ้น

ตัวเลขจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พบว่า มีบริษัทต่างชาติหลายประเทศเข้ามาขอลงทุนในไทยผ่านบีโอไอ เนื่องจากมองว่าไทยเป็นพื้นที่ปลอดภัย เพราะวางตัวเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด เรื่องนี้จึงถือเป็นปัจจัยบวกกับเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็มีความเสี่ยงว่าหากบริษัทจีนย้ายโรงงานมาไทยเพื่อส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯจำนวนมาก ก็อาจทำให้ถูกสหรัฐฯเพ่งเล็ง และกีดกันการนำเข้าเนื่องจากมองว่าเป็นสินค้าของบริษัทจีนได้

นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

แม้เหรียญจะมีสองด้าน แต่ความเสี่ยงที่แทบจะไม่มีด้านบวก ปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งท่าทีของทรัมป์ สนับสนุนอิสราเอล ดังนั้นความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านจะอยู่ต่อไป โดยหากเกิดความไม่สงบขึ้นอาจจะส่งผลให้มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมัน ก็จะกระทบต่อราคาพลังงานทั่วโลก

ผอ.ทีดีอาร์ไอ กล่าว่วา ปี2568เศรษฐกิจโลกจะค่อนข้างผันผวนต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเพราะว่ามีความเสี่ยงมาก และความไม่แน่นอนก็มีหลายอย่าง ซึ่งไทยต้องตระหนักและเข้าใจถึงปัจจัยต่าง ๆ ทางภูมิรัฐศาสตร์ ก็จะทำให้ไทยเตรียมตัวเพื่อรับมือได้

คาดปี 68 ไทยลดดอกเบี้ย 0.25 % ค่าเงิน 35 บาทต่อดอลฯ

ดร.กิริฎา วิเคราะห์ถึงแนวโน้มค่าเงิน และอัตราดอกเบี้ย ว่า เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลสำคัญกับระบบเศรษฐกิจโลกหากสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าจะทำให้ต้นทุนการผลิตของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อ ในสหรัฐฯลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจจะลดดอกเบี้ยนโยบายเพียง 2 ครั้ง หรือ 0.5 % จากเดิมที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าตลอดทั้งปีจะลดถึง 4 ครั้ง หรือ 1 %

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย คาดว่าจะลดลง 0.25% ในปีนี้ ส่วนค่าเงินบาทนั้นประมาณการว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 35 บาทต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ และผันผวนระหว่างปี ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงของไทย เนื่องจากไทยพึ่งพาการส่งออกและนำเข้ามาก

ชี้สงครามการค้าฉุดส่งออกไทยโตเพียง 1-2 %

ผอ.ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า สงครามการค้าจะทำให้เศรษฐกิจโลกโตช้าลง ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแต่การส่งออกไปสหรัฐฯเท่านั้น แต่ตลาดส่งออกหลัก ๆ ของไทย ทั้งยุโรป ญี่ปุ่นต่างได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ก็ชะลอตัวลงเช่นกัน คาดการณ์ในปีนี้การส่งออกไทยอาจจะโตแค่ประมาณ 1- 2 % จากเดิมที่ปี 2567 โต 4-5%

ดังนั้นความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในโลกมากมาย สิ่งรัฐบาลจะต้องมีคือ “กระสุน” หรือ เงินงบประมาณ เพราะหากมีวิกฤตอะไรเกิดขึ้น เช่น ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ภัยธรรมชาติ หรือ โรคระบาด จะต้องมีงบประมาณที่จะใช้จ่ายในการช่วยเหลือประชาชน

“รัฐบาลอาจไม่ต้องถึงกับมีเงินเก็บ แต่ว่าถ้าเราไม่สร้างหนี้เยอะในวันนี้แปลว่าในอนาคตสามารถที่จะกู้เงินได้เพิ่มถ้าจำเป็น แต่ถ้าวันนี้รัฐบาลกู้เงินจนเต็มเพดานแล้ว พอมีวิกฤตเกิดขึ้นตอนนั้นรัฐบาลก็จะช่วยประชาชนได้ยาก เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง และมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์กับการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ไม่ใช่มาตรการระยะสั้น เพราะความไม่แน่นอนเหล่านี้ ไม่ได้อยู่กับเราแค่ปีนี้ แต่จะอยู่อย่างน้อย ๆ 4 ปี ตามวาระของประธานาธิบดีสหรัฐฯ”

อย่างไรตามการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนด้วยว่า รัฐบาลควรลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เช่น สัญญาณอินเทอร์เน็ตให้เร็วและแรง เพราะเป็นปัจจัยที่ภาคธุรกิจด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต้องการ ซึ่งหากพัฒนาในเรื่องนี้ได้จะสามารถดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในไทยได้ รวมไปถึงการส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาด การยกระดับทักษะแรงงาน และการลดข้อจำกัดในการลงทุน โดยปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียบการขออนุญาตต่าง ๆ ที่ยังมีความซ้ำซ้อนอยู่ ให้เอื้อต่อการลงทุนและการทำธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปได้

อ่านข่าว:

 จับตาบอนด์ยิลด์สหรัฐฯพุ่ง กรุงศรีฯ คาดเงินบาทซื้อขาย33.75-34.50

สนค. ดันไทยขึ้นแท่นผู้นำ ตลาดเครื่องสำอางในเอเชีย

สะเทือนวงการ EV " 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น" ชนสู้ตลาดรถไฟฟ้า 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง