ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

WHO วอนจีนเผยต้นตอโควิด-19 หวังช่วยรับมือโรคระบาดในอนาคต

ต่างประเทศ
31 ธ.ค. 67
08:10
257
Logo Thai PBS
WHO วอนจีนเผยต้นตอโควิด-19 หวังช่วยรับมือโรคระบาดในอนาคต
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ช่วงปลายปีแบบนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็นช่วงที่เริ่มมีข่าวการระบาดของเชื้อโวรัสโควิด-19 โดยเริ่มจากที่จีนก่อนที่ไม่นานจะแพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบเกี่ยวกับต้นตอของเชื้อไวรัสตัวนี้มากนัก

ล่าสุด องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปีของการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยร้องขอให้จีนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของการระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งพบการระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทางองค์การระบุด้วยว่า เป็นสิ่งจำเป็นทางศีลธรรมและทางวิทยาศาสตร์ และการขาดความโปร่งใส การแบ่งปันข้อมูล และการร่วมมือกันระหว่างประเทศ จะทำให้โลกไม่สามารถป้องกันและเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดและการระบาดใหญ่ในอนาคตได้

ในแถลงการณ์ยังกล่าวย้อนถึงช่วงแรกเริ่มของการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2019 หน่วยงานขององค์การในจีนได้รับแถลงการณ์จากคณะกรรมการสุขภาพอู่ฮั่นแถลงเกี่ยวกับการพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสในเมืองอู่ฮั่นหลายราย ก่อนที่ปรากฏการณ์ระดับท้องถิ่นดังกล่าวจะขยายไปสู่ระดับโลก นำไปสู่การล็อกดาวน์ หรือบังคับใช้มาตรการปิดเมืองทั่วโลก และท้ายที่สุดเกิดการแข่งขันในการพัฒนาวัคซีนที่ประสบความสำเร็จ

องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ในเดือน พ.ค.ปี 2023 องค์การอนามัยโลกประกาศว่า การระบาดของโควิด-19 ไม่ถือเป็นภาวะฉุกเฉินสาธารณสขโลกอีกต่อไป และในเวลานั้น เทดรอส อะดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการระบาดของโควิด-19 ไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคน แต่เสริมว่าตัวเลขจริงอาจสูงร่วม 20 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าการประมาณการเกือบ 3 เท่า

นับตั้งแต่นั้นองค์การอนามัยโลกออกมาเตือนหลายต่อหลายครั้งถึงความเป็นไปได้ที่อาจมีการระบาดของโรคคล้ายโควิด-19 ในอนาคต พร้อมทั้งเรียกร้องให้โลกเตรียมตัวรับมือ

สำหรับต้นตอการระบาดของโควิด-19 นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าไวรัสนี้ถ่ายทอดจากสัตว์สู่มนุษย์ แต่ก็มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการในอู่ฮั่น ขณะที่เมื่อเดือน ก.ย.นักวิทยาศาสตร์ทีมหนึ่งออกมายืนยันว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาจากสัตว์ที่ติดเชื้อที่ขายในตลาด ไม่ใช่จากการรั่วไหลของห้องปฏิบัติการ หลังจากวิเคราะห์ตัวอย่างหลายร้อยตัวอย่างที่เก็บได้จากอู่ฮั่นเมื่อปี 2020

องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

องค์การอนามัยโลกใช้โอกาสครบรอบ 5 ปีร้องขอให้จีนเปิดเผย แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสชนิดนี้ เพื่อให้การรับมือกับโรคระบาดหรือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดในอนาคตทำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

หลังการออกแถลงการณ์ขององค์การอนามัยโลกครั้งนี้ จีนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ และที่ผ่านมาจีนปฏิเสธทฤษฎีที่ระบุว่าเชื้อไวรัสหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการมาโดยตลอด

จับตา "ทรัมป์" ส่งสัญญาณถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจจะถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลกในวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยหน้า ที่กำลังจะมีพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งทรัมป์เคยเริ่มกระบวนการถอนตัวจากองค์การอนามัยโลกมาแล้วเมื่อช่วงกลางปี 2020 ระหว่างเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก แต่กระบวนการดังกล่าวยกเลิกไปเมื่อโจ ไบเดน ขึ้นบริหารประเทศต่อมาในปี 2021

ชนวนเหตุที่ทรัมป์ไม่พอใจองค์การอนามัยโลกในเวลานั้น หนีไม่พ้นการระบาดของโควิด-19 และการจัดการกับจีนที่เป็นต้นตอการระบาด ทรัมป์กล่าวหาว่า จีนปกปิดความร้ายแรงของสถานการณ์ และองค์การอนามัยโลกก็โอนอ่อนผ่อนตาม เกี้ยเซี๊ยะกับจีนตลอดกระบวนการตรวจสอบที่มาของโรคระบาดใหญ่ที่คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 1.1 ล้านคนในสหรัฐฯ

โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวนี้ต้องจับตามองเพราะหากทรัมป์ถอนตัวจริง องค์การอนามัยโลกอาจสูญเสียผู้สนับสนุนเงินรายใหญ่อย่างสหรัฐฯ ไป ซึ่งช่วงปี 2022-2023 สหรัฐฯ คือ ผู้บริจาครายใหญ่ที่สุด ทุ่มงบไปกว่า 1,200 ล้านบาท

นอกจากเรื่องเงิน หน่วยงานต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ยังมีบทบาทด้านการแบ่งบันความรู้ความเชี่ยวชาญกับองค์การอนามัยโลกด้วย ดังนั้นผลเสียจากการถอนตัวจากองค์การอนามัยโลกของสหรัฐฯ อาจจะกว้างกว่าที่คิด เพราะอาจจะกระทบต่อการประสานงานในระดับโลกหากต้องเผชิญโรคระบาดอีกครั้ง ยังไม่นับรวมความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสาร ความเชี่ยวชาญในเชิงวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่ต้องขาดหายไปเหลืออีกไม่ถึง 3 สัปดาห์เท่านั้น จะได้รู้แล้วว่าองค์การอนามัยโลก จะสูญเสียสมาชิกสำคัญไปหรือไม่

อ่านข่าว : อนามัยโลกชี้ "เอ็มพอกซ์" ไม่ระบาดรุนแรงเท่าโควิด-19  

ผู้ป่วยลองโควิดทั่วโลก 400 ล้านคน เศรษฐกิจสูญ 1 ล้านล้านเหรียญ

นิตยสารไทม์ยกให้ "โดนัลด์ ทรัมป์" เป็นบุคคลแห่งปี 2024 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง