ไฮไลท์สำคัญ คือเรื่องแจกเงิน 1 หมื่นบาท สำหรับผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ประมาณการผู้ได้รับเงินหมื่นเฟส 2 นี้ประมาณ 4 ล้านคน โดยจะเร่งจ่ายเงินครั้งแรกเดือนมกราคม 2568 รับตรุษจีน และเพราะเป็นนโยบายเรือธงของพรรค จึงต้องให้เวลา และความสำคัญร่ายยาวพอสมควร
แม้ว่าความจริง เป็นการตีปี๊บประชาสัมพันธ์เรื่องเงินหมื่นเฟส 2 ซ้ำเดิมไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ ตีปี๊บเรื่องนี้มาหลายครั้ง แม้แต่ช่วงเวลาโอนเงินรับช่วงตรุษจีน เท่ากับแทบไม่มีอะไรใหม่
ถึงแม้จะมีเรื่องค่าแรงอัตราใหม่ทั่วประเทศ ในการแถลงข่าวด้วย ตามคาดหวังให้เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับผู้ใช้แรงงาน แต่กลับไม่มีใครบอกว่า คำสัญญาจะได้ขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 400 บาท พร้อมกันทั่วประเทศ เป็นหมันไปแล้ว
เพราะแม้จะได้ 400 บาทจริง แต่ในเพียง 4 จังหวัด คือ ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง กับอีก 1 อำเภอ คือ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เท่านั้น จังหวัดอื่น ๆ รับประทานแห้ว
แม้จะพยายามแฝงด้วยความหวัง ระบุว่า เป็น 4 จังหวัดนำร่องไปก่อน จังหวัดอื่น ๆ จะทยอยปรับขึ้นทีหลัง แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่
อ่านข่าว : ขึ้นค่าแรง 400 (ไม่) ทั่วประเทศ สสรท.ชี้ไม่ตอบโจทย์ ไม่ตรงนโยบาย
เพราะปกติการพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำโดยไตรภาคี จะทำกันปีละครั้ง เว้นแต่ปี 2567 ที่มีการถกเถียงเรื่องนี้หลายครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็เพิ่งได้สรุปที่ไม่ตรงเป้า แต่สินค้าและค่าครองชีพ ขึ้นราคาไปดักล่วงหน้านานแล้ว และตอนนี้โยนให้กระทรวงแรงงานเป็นคนแถลง
เป็นผลพวงจากการประชุมกรรมการค่าจ้างหรือไตรภาคี เมื่อ 23 ธ.ค.2567 ที่กระทรวงแรงงาน ถกกันหน้าดำหน้าแดง เรื่องปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามนโยบายรัฐบาลที่ตั้งเป้า 400 บาททั่วประเทศ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ใช้แรงงาน นานกว่า 5 ชั่วโมง
สุดท้ายได้บทสรุป คือ ความหวังผู้ใช้แรงงานวันละ 400 บาทจบลงแล้ว เพราะได้ค่าข้าววันละ 400 บาทจริง มีเพียง 4 จังหวัดกับ 1 อำเภอ ส่วนที่เหลือ ลดหลั่นกันไป ต่ำสุดอยู่ที่วันละ 337 บาท เริ่ม 1 ม.ค.2568
กรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 6 จังหวัด ปรับขึ้นเป็น 372 บาท ทำเอาเดือดปุดไม่น้อย เพราะค่าครองชีพขณะนี้สูงขึ้นกว่าเมื่อก่อน ขนาดตลาดนัด ที่เคยมีคนคับคั่ง ตอนนี้มีจำนวนแม่ค้ามากกว่าคนไปเดินซื้อของ ค่าแรงใหม่ที่ได้ของแรงงานในกรุงเทพฯ ยังต่ำกว่าที่ อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และอ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่ได้วันละ 380 บาท
ทำเอา “คนใหญ่” ที่อยู่ระหว่างไปปราศรัยหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ต้องปรับเปลี่ยนคำพูดปราศรัยบนเวทีใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งไปปราศรัยที่อุดรฯ พูดเสียงดังฟังชัด “โชว์แพจเกจใหญ่” ของรัฐบาล คือ “ผ่อนบ้านเพื่อไทย 4,000 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25.000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ เป็นวันละ 400 และ 700 บาทในโอกาสถัดไป
แต่เมื่อมติบอร์ดค่าจ้างออกมา ไม่เป็นตามที่เคยปราศรัยบนเวที จึงได้เห็นนายทักษิณใช้จังหวะนี้ ออดอ้อนคนเชียงใหม่ ให้คืน สส.ให้พรรคเพื่อไทย จะได้มีเสียงมาก ๆ รัฐบาลจะได้มั่นคง สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้
เมื่อค่าแรงวันละ 400 บาท ทั่วประเทศ เป็นหมัน เหตุผลที่เชื่อว่าจะถูกอธิบายชี้แจง และฟังดูดีที่สุด คือรัฐบาล ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงก้าวก่ายกรรมการค่าจ้างได้ แต่สำหรับข้อเท็จจริง คือ พรรคภูมิใจไทย ที่คุมกระทรวงแรงงานอยู่ คงไม่เอาด้วย
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในสภาถูกพรรคภูมิใจไทยขี่คออยู่ ก็ไม่กล้าเอาจริงทุบโต๊ะเปรี้ยง เหมือนกับเมื่อครั้งรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งครั้งนั้น กรรมการไตรภาคีก็เกี่ยงงอนงอแงไม่ต่างจากครั้งนี้ แต่สุดท้ายรัฐบาลท้าทุบโต๊ะ จนค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็น 300 บาททั่วประเทศ
และหากย้อนไปดูนโยบายหาเสียงเลือกตั้งเดือน พ.ค.2566 จะพบว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ชูนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่เน้นที่นโยบายเรือธง “กัญชาเสรี” สานต่อที่ได้เริ่มไว้ตั้งแต่หาเสียงปี 2562 ขณะที่พรรคเพื่อไทย ชูนโยบายหลายเรื่อง รวมทั้งปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 600 บาท ในปี 2570 ก่อนที่ในโค้งสุดท้าย จะประกาศขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 400 บาท ทำทันทีในปีแรก แข่งกับพรรคก้าวไกล ที่มีนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำทันที เป็นวันละ 450 บาท
เท่ากับหากขึ้นค่าแรง เป็นวันละ 400 บาท ทั่วประเทศได้ คะแนนนิยมที่ได้จะตกที่พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย
ขณะที่กูรูทางการวิพากษ์สอดคล้องกันว่า แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่มีเรื่องเห็นต่างขุ่นเคือง และมีวาทะตอบโต้เหน็บกันอยู่ในที ระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย
แต่ขณะเดียวกัน ต่างชิงไหวชิงพริบรู้คูเหลี่ยมทางการเมืองด้วยกันดี โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลตระหนักว่า หากยอมให้ 1 เรื่อง จะต้องมีเรื่องที่ 2-3-4 ตามมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมีเรื่องที่เห็นต่าง ต้องเจรจาเป็นเรื่องๆ ไปตลอด
และเรื่องค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาททั่วประเทศ ก็เป็นเรื่องล่าสุดจนไปต่อไม่ได้ แต่ด้านหนึ่ง อาจเป็นผลดีต่อนายจ้างและผู้ประกอบการ ที่โอดครวญไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรงอีกเป็น 400 บาท ในสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ ว่าได้รับผลกระทบ ถึงขั้นฝันสลายไปแล้ว คือ ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ
แม้จะพยายามตีปี๊บกระพือข่าวแจกเงินหมื่นชุด 2 หวังกลบเรื่องค่าแรงวันละ 400 บาท ทั่วประเทศ แต่ปิดได้ไม่มิด
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระคติธรรม-พรปีใหม่ 2568
ด่วน! บุกค้นฟาร์มดังนครปฐม โยงปลายทางลอบค้ากอริลลา
ประมงพื้นบ้าน หวั่นไฟเขียว "ประมงพาณิชย์" ใช้อวนตาถี่ ทำลายสัตว์น้ำ