วันนี้ (19 ธ.ค.2567) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คนที่ 9 ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นต่อมุมมองความเสี่ยงและความท้าทายของตลาดหลักทรัพย์ ในการเสวนา 50 ปี ตลาดหลักทรัพย์กับความท้าทายในยุคสมัย ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ช่วงหนึ่ง นายกิตติรัตน์ ถูกถามถึงกรณีที่ถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ว่า หากได้รับตำแหน่งจะมีแนวทางการทำงานด้านนโยบายการเงินอย่างไร
นายกิตติรัตน์ ระบุว่า ขณะนี้ตนเองอยู่ในสถานะเป็นเพียงผู้ยอมรับการเสนอชื่อ และยอมรับการตรวจสอบคุณสมบัติจากทุกหน่วยงานเท่านั้น ส่วนขั้นตอนเสนอชื่ออยู่นอกเหนือการควบคุม แต่หากได้รับเลือกก็พร้อมทำงานให้สอดคล้องกับความคาดหวังของคนในธนาคารแห่งประเทศไทย
พร้อมย้ำว่าตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติไม่มีอำนาจในการแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการต่างๆ ในแบงก์ชาติ รวมทั้งการทำงานของรัฐบาล แต่ก็พร้อมเป็นโซ่ข้อกลางเชื่อมการทำงานทั้งนโยบายการเงินและคลัง ให้ทำงานร่วมกันได้
นายกิตติรัตน์ ยังย้ำจุดยืนอยากเห็นการลดดอกเบี้ยเร็วและแรง เพื่อป้องกันหายนะทางเศรษฐกิจ และช่วยลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับประชาชน แม้จะเคารพการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ร้อยละ 2.25 ต่อปี แต่มองว่าเหตุผลในการคงดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ยังไม่ชัดเจนและมองว่ายังมีช่องว่างในการลดดอกเบี้ยลงได้อีก
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ระบุว่า การตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายเป็นไปตามการพิจารณาของ กนง. แต่ส่วนตัวอยากเห็นเงินเฟ้อปรับขึ้นอยู่ในระดับกึ่งกลาง ที่ระดับ 2% จากกรอบเงินเฟ้อที่ 1-3% ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังเตรียมเสนอกรอบเงินเฟ้อปี 2568 เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า
อ่านข่าว
กนง.มีมติคงดอกเบี้ย 2.25% หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง
SME หนีตายแข่งขันค้าโลก ใช้ FTA ลดเสี่ยงภาษีสูง "ทรัมป์ 2.0"
กสทช.เตือนตู้เติมเงิน K4 เสี่ยงเป็นธุรกิจเครือข่าย จ่อพักใบอนุญาต