วันนี้ (30 พ.ย.2567) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและสบคบกันฟอกเงิน ว่า จากการตรวจสอบยอดเงิน 100 กว่าล้านบาทในบัญชี ซึ่งมีการแตกไปในหลายเส้นทางการเงิน และเมื่อวันที่ 29 พ.ย.พบร่องรอยการโอนเงินเข้าบัญชีนายสามารถ ประมาณ 500,000 บาท จึงเรียกเป้าหมายคนดังกล่าวมาพูดคุย พร้อมนำหลักฐานมาแสดง ซึ่งเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ จึงคาดว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหานี้กับนายสามารถอีกหนึ่งคดี
ขณะที่บุคคลใกล้ชิดนายสามารถที่มีการเรียกเข้ามาสอบปากคำ ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และได้บอกถึงเส้นเงินที่ตัวเขาเป็นคนถือบัญชี ซึ่งนายสามารถอ้างว่าเป็นเงินใช้หนี้และให้โอนเข้าบัญชีนี้ โดยพบว่ามีการโอนเงินเข้ามา 2 ส่วนคือ บริษัทดิไอคอน ไม่ใช่จากบอสพอล แต่เป็นหนึ่งในบอสของดิไอคอน ประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งต้องตรวจสอบว่าเป็นการโอนเงินเข้ามาเพราะการเรียกรับ หรือบอสพอลเป็นคนสั่งการ นอกจากนี้ได้ประสานกรมสอบสวนคดีพิศษ (ดีเอสไอ) สอบปากคำพยานคนดังกล่าวในสัปดาห์หน้า ส่วนเงินในบัญชีอีกส่วนเป็นการโอนเข้ามาของผู้ประกอบการที่ถูกรีดไถ จำนวน 500,000 บาท ซึ่งมีการแจ้งความไว้แล้ว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนอื่นๆ ที่ได้ตรวจสอบ พบว่าเกิดเหตุในลักษณะนี้กับอีกหลายคนและหลายส่วน โดยบางส่วนยังไม่ให้ความร่วมมือ จึงได้พยายามพูดคุยและพบว่าเกี่ยวข้องกับคนในหลายแวดวง ทั้งข้าราชการ หรือแม้แต่บุคคลที่ดิไอคอนจ้างงาน ซึ่งมีเส้นเงินเชื่อมโยง ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบบัญชีอีกหลายส่วน
พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า เส้นเงินที่แตกออกไปหลายส่วนนั้นอยู่ในจำนวน 100 กว่าล้านบาท โดยเงินบางส่วนน่าจะเป็นเงินที่มาจากการเล่นพนันบอล ซึ่งพบจากคนใกล้ชิดประมาณ 30 ล้านบาทและเสียไปประมาณ 50 ล้านบาท ยังเหลืออีก 50-60 ล้านบาทที่ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป ดังนั้นตำรวจสอบสวนกลางต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่าเส้นเงินไปถึงใครบ้าง เพื่อจะเรียกบุคคลนั้นเข้ามาสอบปากคำ และยืนยันว่าจะดำเนินคดีในทุกเรื่อง
ส่วนที่นายสามารถระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการถูกดำเนินคดีและมีการอดข้าวประท้วง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ไม่อยากให้มีการอดอาหารประท้วง โดยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้กลั่นแกล้ง การตรวจสอบเส้นเงินเป็นวิทยาศาสตร์และผู้เสียหายก็มีอยู่จริง ซึ่งตำรวจต้องนำตัวนายสามารถเข้าสู่การบังคับใช้กฎหมายและนำเข้าสู่สำนวนคดี เพราะมีคลิปเสียงชัดเจนในการเรียกรับ และมีคำพูดที่ค่อนข้างดูถูกข้าราชการในการแต่งตั้งข้าราชการเข้าไปดูแลบอสพอล หรือช่วยเหลือผู้ประกอบการ พร้อมย้ำว่าไม่มีการกลั่นแกล้งและขอให้ไปสู้กันในชั้นศาล หากมีพยานหลักฐานที่สามารถหักล้างเหตุผลได้
อ่านข่าว
ออกหมายเรียก “ฟิล์ม” จ่อแจ้งข้อหา “พยายามฉ้อโกง-หมิ่นประมาท”
"บิ๊กเต่า" ลุยเส้นเงิน 10 ล้าน หวานใจคนสนิทบิ๊กเนมรุกป่า ส.ป.ก.
ผบ.ทร.สั่งเจรจาเมียนมา หลังเรือรบยิงเรือประมงไทย-จับลูกเรือกว่า 30 คน