วันที่ 28 พ.ย.2567 ประชาชนจำนวนมากพากันไปหลบภัยที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงเคียฟของยูเครน หลังรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธ ซึ่งสร้างความเสียและผลกระทบเป็นวงกว้างกับยูเครน โดยรัสเซียมุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน ครั้งใหญ่เป็นครั้งที่ 2 ของเดือน พ.ย.นี้
มีรายงานเหตุระเบิดและไฟฟ้าดับทั่วประเทศ กระทบประชาชนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน เช่นเดียวกับบริเวณริมท้องถนนในเมืองลวีฟ ที่มีการติดตั้งเครื่องปั่นไฟหลายเครื่องตามหน้าร้านค้าและบ้านเรือนประชาชน ขณะที่ไฟจราจรไม่มีสัญญาณขึ้นตามปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากการโจมตีครั้งนี้
ด้านบริษัทพลังงานเอกชนชั้นนำของยูเครน ระบุว่า ไฟฟ้าดับครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเคียฟ ภูมิภาคโอเดสซา Dnipropetrovsk และ Donetsk
ขณะที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองโอเดสซา ประชาชนหลายสิบครอบครัวกลายเป็นคนไร้บ้าน หลังการโจมตีได้ทำลายบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีไฟฟ้าท้องถิ่น ซึ่งการโจมตีครั้งนี้ของรัสเซียถือเป็นการโจมตีโครงสร้างพื้น
"ปูติน" ขู่โต้หนักหากยูเครนได้อาวุธนิวเคลียร์
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนคาซัคสถาน ระบุว่า การโจมตีในครั้งนี้เพื่อตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธ Atacms ได้ที่รับมาจากสหรัฐฯ โจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ซึ่งรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธ 90 ลูก และโดรน 100 ลำ
ก่อนหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยูเครนใช้ขีปนาวุธ Atacms และ Storm Shadow เพื่อโจมตีเข้าไปยังภายในดินแดนของรัสเซียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามเปิดฉากขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.2565 หลังจากได้รับการอนุมัติจากชาติตะวันตกอย่างสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส
ผู้นำรัสเซีย ยังระบุว่า จะใช้ขีปนาวุธ Oreshnik ซึ่งเป็นขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกรุ่นใหม่ ยิงโจมตีจุดสำคัญของยูเครน เพื่อตอบโต้การโจมตีดินแดนรัสเซียของยูเครน พร้อมกล่าวว่าขีปนาวุธ Oreshnik เทียบได้กับอาวุธนิวเคลียร์ในแง่ของพลังทำลายล้างและจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
รัสเซียจะใช้อาวุธทั้งหมดที่มีเพื่อโจมตียูเครนหากยูเครนได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
ท่าทีนี้มีขึ้นหลังจาก The New York Times สำนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของสหรัฐฯ รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ตะวันตกว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจมอบอาวุธนิวเคลียร์ให้กับยูเครน ก่อนที่ไบเดนจะลงจากตำแหน่งในเดือน ม.ค.2568
อ่านข่าว : ยูเครนยิงขีปนาวุธ "Storm Shadow" รุกดินแดนรัสเซีย