ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“ไทย” ตั้งรับนโยบายทรัมป์ สนค.ชี้จับตาสินค้าต้นทุนต่ำทะลักไทย

เศรษฐกิจ
12 พ.ย. 67
18:22
678
Logo Thai PBS
“ไทย” ตั้งรับนโยบายทรัมป์ สนค.ชี้จับตาสินค้าต้นทุนต่ำทะลักไทย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สนค. วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยหลังทรัมป์ชนะ ไทยได้ประโยชน์ ทั้งส่งออกทดแทน-ดึงดูดนักลงทุน จับตาสินค้าต้นทุนต่ำทะลักไทย ชี้รัฐบาลต้องเร่งหามาตรการสกัด

วันนี้ (12 พ.ย.2567) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ วิเคราะห์ เศรษฐกิจของไทยภายหลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ อยู่บ้าง แต่เชื่อว่าในภาพรวมแล้วเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลประโยชน์และมีการเติบโตในทิศทางที่ดี

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)   กระทรวงพาณิชย์

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์

อย่างไรก็ดี ผลกระทบที่คาดว่าจะมีต่อเศรษฐกิจของไทย มีทั้งด้านการค้าระหว่างประเทศ จากนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อการความสามารถในการแข่งขันของไทย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสที่ไทยจะส่งออกทดแทนและดึงดูดการลงทุนของบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการย้ายฐานการผลิต

และด้านการลงทุนจากต่างประเทศ จากการย้ายฐานการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการทางการค้า ทำใหโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนภาคอุตสาหกรรมในไทยมากขึ้น ซึ่งไทยควรโอกาสนี้ส่งเสริมผู้ประกอบการเพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้าและการลงทุน เพื่อเร่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย

การวางตัวเป็นกลางของไทยสามารถดึงดูดการค้าและการลงทุนได้จากนักลงทุนจากทุกฝ่าย ท่ามกลางนโยบายของสหรัฐฯ ที่จะไปในทิศทางกีดกันทางการค้าและปกป้องทางการค้ามากขึ้น

ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า ผลจากสงครามการค้า ทำให้สหรัฐฯ มีการนำเข้าสินค้าจากจีนลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งจะเป็นโอกาสที่ไทยสามารถส่งออกสินค้าทดแทนได้ เนื่องจากไทยและจีนอยู่บนตำแหน่งของห่วงโซ่อุปทานในตลาดโลกที่คล้ายคลึงกัน

โดนัลด์ ทรัมป์

โดนัลด์ ทรัมป์

โดนัลด์ ทรัมป์

คือเป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าสำเร็จรูป อีกทั้งไทยและจีนมีโครงสร้างการส่งออกสินค้าที่คล้ายคลึงกันในตลาดสหรัฐฯ โดยสินค้าที่จะได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์

นอกจากนี้ ไทยสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีนมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ทั้งสหรัฐฯ และจีน รวมถึงนักลงทุนจากประเทศต่าง ๆ จะเพิ่มการลงทุนในประเทศที่เป็นกลางและเป็นมิตรกับทุกฝ่าย นอกจากนั้น ไทยยังควรพลิกวิกฤติเป็นโอกาสด้วยการด้วยการหาโอกาสเข้าเกาะเกี่ยวในห่วงโซ่อุปทานสินค้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดี

หวั่น “America First” ทำสินค้าไทยโดนภาษี

อย่างไรก็ตามยอมรับว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศมหาอำนาจที่มีผลต่อเศรษฐกิจโลก การออกมาตรการของสหรัฐฯ ย่อมส่งผลต่อกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนโยบายของทรัมป์จะเน้นการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐฯ การกลับมาของนโยบาย America First อย่างเข้มข้น อาจทำให้เกิดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการค้าโลกจะมีความยากลำบากมากขึ้น ด้วยการตั้งกำแพงภาษี สกัดสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ และมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมและสร้างงานในประเทศ

ทรัมป์จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 60% และขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ อีก 10 - 20% กำหนดภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทนกับประเทศใดก็ตามที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ (Reciprocity) ให้ใช้อัตราภาษีเดียวกันกับประเทศคู่ค้าที่เรียกเก็บสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ยกเลิกการนำเข้าสินค้าจำเป็นจากจีน

ผอ.สนค.กล่าวว่า สินค้าที่จำเป็นจากจีนที่คาดว่า ทรัมป์จะยกเลิกการนำเข้า เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เหล็กกล้า และยา พร้อมทั้งห้ามบริษัทจีนเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น พลังงาน เทคโนโลยี และที่ดินสำหรับทำการเกษตร และอาจจะมีความเสี่ยงจากการย้ายฐานการผลิตบางส่วนกลับไปสหรัฐฯ หรือประเทศในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เพื่อลดความเสี่ยงทางการค้าด้วยเช่นกัน
ขณะที่ นโยบายอุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

ลดบทบาทของกฎหมาย Inflation Reduction Act คัดค้านนโยบาย Green New Deal ดำเนินการขุดเจาะเชื้อเพลิงฟอสซิล และลบขั้นตอนที่ไม่จำเป็นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโครงการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผ่อนปรนกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงกฎระเบียบการปล่อยมลพิษสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหิน และยกเลิกเครดิตภาษีคาร์บอน

ซึ่งจะกระทบต่อทิศทางของอุตสาหกรรมที่สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมและการแก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อความรุนแรงของสภาพอากาศทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วม พายุ และความแห้งแล้งอย่างรุนแรง ซึ่งจะกระทบต่อผลผลิตสินค้าเกษตรและการหยุดการดำเนินงานของโรงงานเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ส่วนนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ ยุติสงครามในยูเครน ที่คาดว่าสหรัฐฯจะยกเลิกความช่วยเหลือแก่ยูเครนแต่ยังคงสนับสนุนอิสราเอล ยุติความรุนแรงในเลบานอล และนำรัสเซียและยูเครนมาสู่โต๊ะเจรจา

ในขณะขณะเดียวกัน การลดบทบาทของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนความมั่นคงในเวทีโลก โดยเฉพาะ NATO อาจทำให้มีความขัดแย้งในพื้นที่อื่น ๆ ปะทุได้ง่ายขึ้น ซึ่งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ชี้ พี่ใหญ่ "จีน" กระทบหนัก หวั่นสินค้าทะลักไทย

อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า การใช้นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าที่สูงมากของทรัมป์จะปรากฎขึ้นประมาณกลางปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะทำให้การค้าโลกชะลอตัวลง 0.8% ในปี 2568 และจะลดลง 1.3 % ในปี 2569 เนื่องจากการตั้งภาษีจะขัดขวางการเติบโตของการค้าโลก ประเทศส่วนใหญ่จะเติบโตอย่างไม่แข็งแรง ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอลง ซึ่งการประเมินของ IMF มองว่าหากเกิดการแยกส่วนอย่างจริงจังและใช้มาตรการทางภาษีศุลกากรในวงกว้างจะทำให้ GDP โลกลดลง 7%

การที่ทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีการค้ากับจีนไว้สูงมาก จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของไทยที่พึ่งพาวัตถุดิบและชิ้นส่วนจากจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและอาจเกิดการขาดแคลนวัตถุดิบบางประเภท

นอกจากนี้ สินค้าไทยอาจถูกตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีผ่านการส่งออกผ่านประเทศไทยได้ ขณะที่โอกาสที่ไทยจะได้อานิสงส์ ในการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทที่ต้องการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยที่มี

ความเข้มแข็ง เช่น อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ และอาหารแปรรูป เพราะไทยมีจุดแข็งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน แรงงานมีทักษะ ระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม เพื่อให้ไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ไทยมีโอกาสในการเป็นฐานการผลิตทางเลือกสำหรับตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ อย่าง อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญในอาเซียน อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูปที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับโลก และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มีซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง

แนะรัฐบาล เร่งตั้งการ์ด รับมือสินค้าราคาถูก

ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า บางนโยบายของทรัมป์อาจจะไม่เอื้อต่อเศรษฐกิจไทย ดังนั้นสิ่งที่ไทยควรเตรียมรับมือ คือ มองว่า ไทยจะรับมืออย่างไร ติดตามนโยบายที่สำคัญ และแนวโน้มการใช้มาตรการและการดำเนินการของประเทศคู่ค้าและคู่แข่งขันทางการค้าที่อาจส่งผลต่อการค้าไทย รวมถึงการเฝ้าระวังปริมาณการนำเข้าและส่งออก สินค้าของบริษัทข้ามชาติที่อยู่ในรายการสินค้าที่ถูกใช้มาตรการทางภาษี

โดยเฉพาะรายการสินค้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยถูกใช้มาตรการทางภาษี รวมถึงการถูกไต่สวนและการถูกบังคับใช้มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (Anti-circumvention) ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการสัญชาติไทยที่มีการส่งออกสินค้าในรายการเดียวกัน

รวมไปถึงมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ กรณีที่มีสินค้าราคาถูกไหลทะลักเข้ามา ในประเทศอย่างเหมาะสม ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ การบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) มาตรการตอบโต้ การอุดหนุน (Countervailing Duty: CVD) และมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measure: SG) เป็นต้น

นอกจกนี้การลดความผันผวนทางการค้าและการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยการกระจายตลาดส่งออกและ เพิ่มความหลากหลายของแหล่งวัตถุดิบ/สินค้านำเข้า ไม่ให้พึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ หรือจีนตั้งเป้าหมายขยายการผลิตในประเทศหรือส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ (Reshoring)

โดยส่งเสริมการสร้างพันธมิตรทางการค้า และมองหาคู่ค้ารายใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงที่ห่วงโซ่ อุปทานจะหยุดชะงัก รวมถึงการปรับตัวสำหรับระเบียบการค้าโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะประเด็นด้าน ESG (Environmental Social และ Governance) ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกประเทศในการลงทุน/ตั้งฐานการผลิตของบริษัท ข้ามชาติ ซึ่งหากภาคการผลิตไทยปรับตัวรับกับประเด็น ดังกล่าวไม่ทัน อาจจะทำให้ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในตลาดโลกได้

 อ่านข่าว:

 “ทองคำ” ร่วงแรง 300 ดอลลาร์แข่ง-นักลงทุนกังวลนโยบายทรัมป์

ถึงเวลา ? ชาวนาไทยปรับตัวรับเทรนด์โลก ผลิต "ข้าว"คาร์บอนต่ำ

"ทรัมป์" คัมแบ็ก ปธ.หอการค้าฯ หวั่นกระทบ "ภาษี-กีดกันการค้า"

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง