ความคืบหน้าภายหลังตำรวจควบคุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และภรรยา ได้ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนคุมตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (7 พ.ย.2567)
ล่าสุดเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตนเองเข้ามาช่วยดูแลคดีนี้ ซึ่งตำรวจสอบสวนกลาง ทำคดีด้วยความรัดกุมรอบคอบ จึงได้ขอออกหมายจับนายษิทรา และภรรยา โดยนายษิทราถูกแจ้งข้อหาข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ อัตราโทษตั้งแต่ 1-10 ปี ซึ่งต้องดูการสอบสวนและนำตัวไปฝากขังต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ถูกออกหมายจับได้ขับรถออกจากบ้านย่านตลิ่งชั่น ตั้งแต่เวลา 09.00 น. มุ่งหน้าประเทศเพื่อนบ้าน ตำรวจได้เริ่มสะกดรอยจนรู้ว่าผู้ต้องหากำลังเดินทางออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนตัดสินใจควบคุมตัว เพราะรถของตำรวจสมรรถนะไม่ดีเท่ากับรถผู้ต้องหา
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุพฤติการณ์ของนายษิทราขณะจับกุมว่า เจ้าตัวมีท่าทีจำนนต่อหลักฐาน และที่อ้างว่าจะไปปฏิบัติธรรม ก็เป็นคำให้การของผู้ต้องหาที่มีสิทธิจะพูด และนอกจากคดีเงิน 71 ล้านบาท แล้วพบว่ายังมีอีกหลายคนที่เตรียมเข้าดำเนินคดีกับนายษิทราด้วยเช่นกัน โดยมีความเสียหายแตกต่างกันไป
ส่วนพยานบางปากที่ถูกกันไว้เป็นพยานก่อนหน้านี้ จากการสืบสวนพบว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด ประเด็นนี้ยังต้องชั่งน้ำหนักตามกฎหมาย และแม้ว่าผู้ต้องหาจะรู้จักกับบุคคลระดับสูงหลายคน ส่วนตัวก็มองว่าไม่มีผลต่อคดี เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
ส่วนสาเหตุที่คัดค้านประกันตัว เพราะเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เช่น การเดินทางมาที่กองบังคับการปราบปรามในวันเดียวกันกับที่ นางจตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานว่าผู้ต้องหาปฏิเสธหรือรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้เริ่มต้นจากกรณีนางจตุพร หรือเจ๊อ้อย เข้าแจ้งความดำเนินคดีนายษิทรากรณีเงิน 71 ล้านบาท ต่อมามีกรณีเงิน 39 ล้านบาท และ 3 ล้านบาท พบว่าเป็นการกระทำแบบปกติธุระ รวมทั้งมีผู้เสียหายอื่น ๆ ที่เข้าแจ้งความจำนวน 3 เคส
อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างการสอบถามว่ามีผู้ใดช่วยเหลือให้หลบหนีไปต่างประเทศ แต่ยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดติดต่อเข้ามาช่วยเหลือนายษิทรา ส่วนการตรวจค้น 2 จุดภายหลังคุมตัวนายษิทรามาที่กองบังคับการปราบปราม จุดแรกเป็นบ้านเดิมที่ จ.สมุทรสาคร และอีกจุดเป็นบ้านพักที่ตลิ่งชัน โดยให้ผู้ดูแลบ้านเป็นผู้นำตรวจค้น
เบื้องต้นยังไม่ได้อายัดเงินในบัญชีของนายษิทรา และจะดำเนินการต่อไป แต่จากพยานหลักฐานมั่นใจว่าจะดำเนินคดีได้ โดยไม่กังวลว่าเป็นนักกฎหมาย เพราะหากกระทำฝ่าฝืนกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี
พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และจะนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.2567) พร้อมคัดค้านการประกันตัว
อ่านข่าว : คุมตัว "ทนายตั้ม-ภรรยา" สอบปากคำที่กองปราบ
จับ "ทนายตั้ม-ภรรยา" ข้อหาฉ้อโกง-ฟอกเงิน
"ทนายตั้ม" ชิงพบ ตร.ปมฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท "เจ๊อ้อย"
“เจ๊อ้อย” ให้ปากคำนาน 12 ชม. มั่นใจไม่ได้ให้ 71 ล้านบาทโดยเสน่หา