- "กัญจนา" ควัก 1 ล้านตั้งกองทุนกันยาวิจัย "เฮอร์ปีส์ไวรัสช้าง"
- รายงานแรก! "หมาใน" ล่าลูกกระทิงกิน กลางป่าแก่งกระจาน
กรณีลูกช้าง "พังกันยา" ช้างป่าพลัดหลงป่วยตายด้วยโรคเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้าง เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นโรคไวรัสที่มีความอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตในกลุ่มช้างอายุน้อยหรือลูกช้าง
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2567 ควาญช้าง และสัตวแพทย์โรงพยาบาลช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง ทำพิธีตามความเชื่อหลังช้างพังกันยา อายุ 13 เดือน ที่ป่วยด้วยโรคเฮอร์ปีส์ไวรัส หลังสัตวแพทย์ให้การรักษาด้วยการให้ยาและเลือด แต่อาการไม่ดีขึ้น และตายลงเมื่อคืนวานนี้
อ่านข่าว เฮอร์ปีส์ไวรัสพรากลูกช้างป่า "กันยา" กลับดาวช้าง
หลังจากนี้ สัตวแพทย์จะผ่าพิสูจน์สาเหตุ ตามระเบียบราชการ เพราะพังกันยาเป็นช้างของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก่อนจะฝังซากภายในสุสานช้าง
นายธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสมาพันธ์ช้างไทย กล่าวว่า ทีมสัตวแพทย์ พยายามให้การรักษาพังกันยา อย่างเต็มที่ แต่เชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัสในตัวพังกันยาอยู่ในระดับไทด์ 4 ซึ่งมีความรุนแรง ทำให้เกล็ดเลือดลดลงรวดเร็ว ยากต่อการรักษา
นายธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสมาพันธ์ช้างไทย
หลังพังกันยาตาย ทางทีมงาน Patara Elephant Conservation ที่ดูแลพังกันยาใน จ.เชียงใหม่ เตรียมตรวจโรคลูกช้าง 2 ตัว ที่ใกล้ชิดพังกันยา รวมทั้งฆ่าเชื้อในคอกที่พังกันยาเคยอาศัยอยู่
มีการเพิ่มกระบวนการตรวจช้างให้ถี่ขึ้น ทั้งช่วงเช้า กลางคืนดูสภาพอาการช้างพฤติกรรม การกิน ความร่าเริง และคอกของกันยาต้องพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อป้องกันเชื้อ
นายสัตวแพทย์ ฉัตรโชติ ทิตาราม ผอ.ศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่
รู้จักวายร้ายโรคเฮอร์ปี่ไวรัสในช้าง
ด้านนายสัตวแพทย์ ฉัตรโชติ ทิตาราม ผอ.ศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ กล่าวว่า โรคเฮอร์ปีส์ไวรัส ถือว่ามีความรุนแรง สำ หรับช้างเด็ก โดยเชื้อนี้ติดมากับช้างทุกตัว และมักแสดงอาการในช่วงเปลี่ยนฤดู
ในประเทศไทยมีช้างป่วยด้วยโรคนี้ปีละประมาณ 8 เชือก ยังไม่มียารักษาเฉพาะ แต่มีอัตราการรักษาหายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเจ้าของช้างและควาญควรดูแลช้างเด็กอายุแรกเกิดจนถึง 4 ปีอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นช่วงที่มีภูมิคุ้มกันน้อย
ลูกช้างที่ติดเฮอร์ปีส์ไวรัส จะมีอาการหน้าบวม ซึม และพฤติกรรมต่างผิดปกติ มีไข้สูง ที่ชัดเจนลิ้นจะกลายเป็นสีม่วง เนื่องจากมีเชื้อไวรัสเข้าร่างกาย และไปทั่วร่างกายทั้งหัวใจ ปอด ตับ ม้าม
ในประเทศไทยมีช้างป่วยด้วยโรคนี้ ปีละประมาณ 8 เชือก และยังไม่มียารักษาเฉพาะ แต่มีอัตราการรักษาหายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเจ้าของช้างและควาญควรดูแลช้างเด็กอายุแรกเกิดจนถึง 4 ปีอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นช่วงที่มีภูมิคุ้มกันน้อย
ตั้งแต่ปี 2498 ถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีช้างป่วยด้วยโรคเฮอร์ปีส์ไวรัส 140 เชือก ตาย 89 เชือก และรักษาหาย 51 เชือก ขณะนี้มีบริษัทในต่างประเทศ 3 แห่ง กำลังพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อนี้ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการทดสอบกับช้าง
อ่านข่าว อาการวิกฤต "ลูกช้างกันยา" ป่วย EEHV ให้เลือดดูแลใกล้ชิด
"กัญจนา" ตั้งกองทุนกันยารำลึก 1 ล้าน
ขณะที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา หนึ่งในผู้ที่สนับ สนุนการดูแลพังกันยา หลังจากที่พบหลงจากแม่มาอย่างต่อเนื่อง โพสต์เฟซบุ๊ก NuNa Silpa-archa ระบุว่า เพื่อรำลึกถึงกันยาน้อย (ที่รักมาก) โดยคุยกับนายสัตวแพทย์ ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ (อ.อ.ป.) ว่า จะตั้ง "กองทุนกันยารำลึก” เพื่อสนับ สนุนให้คุณหมอทั้งหลาย ได้ทำการศึกษาวิจัยหาวิธีรับมือกับโรค EEHV ด้วยหวังว่าในอนาคตจะมีวิธีการรักษามีตัวยาที่จะช่วยชีวิตลูกช้างให้รอดชีวิตจากไวรัสร้ายนี้ได้
โดยจะเปิดบัญชีชื่อ “กองทุนกันยารำลึก” โดยจะใส่เงินให้ก่อน 1 ล้านบาท
เมื่อหมอมีโครงการก็จะทำเรื่องเบิกขอใช้เงินกองทุนนี้ ส่วนที่ไม่ทำเป็นกองทุนในคชบาล เพราะระบบราชการจะไม่คล่องตัว ถ้าต่อไปเงินไม่พอก็จะเพิ่มให้อีก
นอกจากนี้ เมื่อเปิดบัญชีแล้วจะบอกเลขบัญชีในเฟซบุ๊ก เผื่อว่าจะมีแม่ๆ อยากสมทบ และหากมีเงินสมทบจากท่านอื่น โดยจะแจงยอดรายรับ รายจ่ายให้ทราบทางเฟสอย่างชัดเจนสม่ำเสมอ
อ่านข่าวอื่นๆ
เฮอร์ปีส์ไวรัส ภัยร้ายที่คนเลี้ยงช้างต้องเฝ้าระวัง