แต่ที่เป็นประเด็นร้อนและถกเถียงกันในสื่อโลกโซเชียลครั้งนี้ ดูจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง เพราะมีข้อมูลข่าวสาร และปฏิบัติการไอโอเกิดขึ้นมากมาย แม้แต่ข่าวความเคลื่อนไหวของทหารฝึกซ้อมรบ จุดกระแสจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์
และถูกผสมโรงเพิ่มดีกรีจากผู้ที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ทั้งแชร์ ทั้งโพสต์ ทั้งเมนต์ ด้วยความห่วงใย แม้ว่าข่าวส่วนใหญ่ ไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจนก็ตาม
เหตุที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะในยุคสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร จากพรรคไทยรักไทย ก็มีประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์ตั้งข้อสงสัยมาก่อนแล้ว กระทั่งกลายเป็นประเด็นจุดม็อบขับไล่
นอกเหนือจากเรื่องทุจริต เรื่องสถาบัน ก็มีเรื่องพิพาทดินแดนพ่วงอยู่ด้วย ไม่ว่าจะกรณีเขาพระวิหาร หรือเกาะกูด กรณี MOU 44
ตอนนี้กลับมาร้อนแรงอีกรอบ หลังการกลับคืนประเทศของ ทักษิณ ชินวัตร แต่ไม่ได้ติดคุกจริง แต่ได้นอนพักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กระทั่งพักโทษ ทั้งยังแสดงบทบาทคนมากบารมีราวกับเป็นผู้นำตัวจริงของประเทศ
รวมทั้งการเปิดบ้านจันทร์ส่องหล้า รับรองสมเด็จฮุนเซ็น อดีตผู้นำมากบารมีของกัมพูชา หลังออกจาก รพ. และต่อด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อครั้งยังเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำพาสส.ของพรรค บินไปพบสมเด็จฮุนเซ็น และฮุนมาเน็ต นายกฯ คนปัจจุบันของกัมพูชาถึงพนมเปญ
นำไปสู่การจุดกระแสแอบเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างทักษิณกับสมเด็จฮุนเซ็นหรือไม่ และนายทักษิณมีข้อตกลงอะไรกับสมเด็จฮุนเซนหรือไม่ เป็นคำถามค้างคาใจคนไทยจำนวนไม่น้อยมาแต่นั้น และสะสมข้อข้องใจเรื่อยมา
กระทั่งถึงจุดลุกลามขยายผลไปใหญ่โตอย่างในปัจจุบัน แม้ด้านหนึ่งจะถูกมองว่า กลุ่มที่เป็นโต้โผหลักในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ คือกลุ่มโจทก์เก่าที่ไม่เอาทักษิณ ไม่เอาระบอบทักษิณ จนเกิดวลีและแฮชแทคในโลกโซเชียล อาทิ “คลั่งชาติดีกว่าขายชาติ” “ไม่เสียเกาะกูด แต่เสียอธิปไตยทางทะเล”
ที่เปิดหน้าอาสาเป็นหัวขบวนท้าชนขณะนี้ หนีไม่พ้นพรรคพลังประชารัฐ โจทก์คู่แค้นปัจจุบันของนายทักษิณ ที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราว รวมพลทั้ง สส. และแกนนำระดับ “บิ๊กเนม” อย่าง นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีคลัง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคที่มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน การเจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบ MOU 44
พร้อมลั่นคำพรรคจะคัดค้าน MOU 44 จนถึงที่สุด เพราะเสี่ยงอาจทำให้เสียทั้งดินแดน ทั้งอธิปไตยของชาติ และทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ทั้งจะทำจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ให้เร่งยกเลิก MOU 44 ทันที
นับเป็นปฏิบัติการเขย่าบัลลังก์รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ต่อจากเพิ่งทิ้งบอมบ์เปิดชื่ออักษรย่อคนในพรรคเพื่อไทย ที่เป็นเทวดาเกี่ยวข้องกับไอคอนกรุ๊ปไปหมาดๆ ทำให้รัฐบาลต้องเรียกระดมพรรคร่วมรัฐบาลหารือด่วน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ เพราะตระหนักดีว่า เป็นเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนที่รักชาติ ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ได้ให้กระทรวงต่างประเทศตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงเช่นกัน
โดยยืนยันว่า MOU 44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด และในสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ.1907 ระบุชัดเจนว่า “เกาะกูด” เป็นของไทย 100 % แม้จะมีการประกาศเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาใหม่ เมื่อปี 2515 แต่ไทยก็ไม่ยอมรับเส้นแบ่งของกัมพูชา
และได้ออกประกาศไหล่ทวีปของไทยในปี 2516 ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนกัน 26,000 ตารางกิโลเมตร แต่กลับไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นนัก คนในรัฐบาลต้องตอบคำถามเดิม ๆ นี้
นักวิชาการอิสระ อย่างนายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ ให้ความเห็นว่า เอ็มโอยู 44 เป็นเสมือนการหาเรื่องของพรรคเพื่อไทยเอง เพราะในสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ.1907 ชัดเจนว่า เกาะกูดเป็นของไทยอยู่แล้ว
กระทั่งรัฐบาลทักษิณ ไปทำเอ็มโอยู 44 ว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อน กระทั่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีต่อไป แต่รัฐบาลมีอันเป็นไปเสียก่อน จึงยังอยู่กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จนปี 2567 ที่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำรัฐบาลอีก ขณะที่ผู้คนได้เห็นสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นยิ่งขึ้นของ ทักษิณกับสมเด็จฮุนเซ็น จนเกิดการเพ่งเล็งสงสัยว่า มีการฮั้วอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ก่อเกิดกระแสรักชาติ แต่ถูกแกนนำรัฐบาลไปตำหนิว่าเป็นกลุ่มคลั่งชาติ จึงทำให้เรื่องบานปลายในขณะนี้
“รัฐบาลเพื่อไทยกำลังเผชิญกับหลายเรื่องในช่วงที่สถานการณ์รุมเร้า หากรับมือได้ไม่ดีพอ อาจเป็นหมัดน็อครัฐบาลได้เช่นกัน” นายทวิสัณฑ์ ระบุ
เรื่องเกาะกูด MOU 44 และข้อสงสัยเรื่องพื้นที่ทับซ้อนและผลประโยชน์ทางทะเล จึงถูกมัดรวมกันเป็นคำถามใหญ่ที่สำคัญว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร จะจัดการและรับมือเรื่องนี้อย่างไร ในห้วงเวลาที่ชี้แจงอย่างไร โดยใครในรัฐบาล แต่ผู้คนก็ยังไม่เชื่อ
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : กกต.เปิดแผนเลือก อบจ.ทั่วประเทศ 1 ก.พ.68
เปิดผลตรวจ "อิมาน เคลิฟ" นักชกเหรียญทองโอลิมปิก 2024 เป็นเพศชาย