วันนี้ (4 พ.ย.2567) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทำคดีดิไอคอนกรุ๊ป ว่า หลังจากกรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา คดีนี้จะอยู่ในอำนาจของกรมสอบสวนพิเศษ ซึ่งยังคงประสานความร่วมมือการทำคดีกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ขณะที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ ระบุว่า อยากให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนคดีดิไอคอน ต่อ เพื่อให้การทำคดีมีความต่อเนื่อง โดยใช้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินนั้น ผบ.ตร.ระบุว่า ยังไม่มีความจำเป็นถึงขั้นนั้น เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสอบสวนต่อ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยินดีรับดำเนินการให้อยู่แล้ว ยังคงเป็นการร่วมกันทำคดี ไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา 18 คน และนิติบุคคล 1 คน ในความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 19, 20 รวม 2 ข้อหา โดยจะเข้าไปในเรือนจำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหาภายในสัปดาห์นี้ และสัปดาห์หน้า
ส่วนการแจ้งข้อหาฟอกเงินนั้น ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะต้องพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเป็นรายบุคคล
ส่วนกรณีที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือพอล นำพยานกว่า 20 คน มาให้ปากคำในฝั่งของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปนั้น เบื้องต้นตนเองได้สั่งการให้คณะทำงานจัดทำบัญชีรายชื่อ เพื่อเรียกมาให้ปากคำในภายหลัง โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และไม่กังวลที่จะถูกฟ้องมาตรา 157 แต่อย่างใด