วันนี้ (2 พ.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง เริ่มลงทะเบียนในวันที่ 1 พ.ย.เป็นวันแรกจำนวน 10,000 สิทธิ์ ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง.com โดยเมื่อเวลา 08.30 น.พบว่าจำนวนสิทธิคงเหลือ 9,098 สิทธิ
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 554 แห่ง มอบส่วนลด 50% ของการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 10,000 สิทธิ จำกัด 1 คนต่อ 1 สิทธิ
โดยตั้งเกณฑ์การใช้จ่ายไว้ 800 บาท และใช้สิทธิได้ที่ร้านอาหาร โรงแรม ที่พัก ที่เข้าร่วมโครงการหน้าเคาน์เตอร์ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-ธ.ค.ouh ไม่สามารถจองสิทธิล่วงหน้าได้ คาดว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท นักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดแคมเปญ สิทธิคงเหลือ และรายชื่อสถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญได้ที่เว็บไซต์ https://www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center โทร.1672
ทั้งนี้กระตุ้นการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมอบส่วนลด 50% สูงสุด 400 บาท ให้แก่นักท่องเที่ยวที่กำลังจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการอยู่ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่
สำหรับ 17 จังหวัดภาคเหนือที่เข้าร่วมโครงการเชียงราย น่าน พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำปาง ลำพูน ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี ค้นหารายชื่อผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญ ที่นี่
อ่านข่าว อากาศแปรปรวน 2-6 พ.ย."เหนือ-อีสาน" อุณหภูมิลด 2-4 องศา ใต้ฝน 40%
ททท.เล็งเปิดเฟส 2 หากครบหมื่นสิทธิ์
นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้หารือกับผู้ว่าการททท. เพื่อเตรียมเปิดโครง การแอ่วเหนือคนละครึ่งเฟส 2 ทันที เมื่อ 10,000 สิทธิในเฟสแรกหมดลง
โดยเฟสที่ 2 นี้จะเพิ่มสิทธิเป็น 2 เท่า หรือ 20,000 สิทธิ เพื่อให้เกิดการเดินทางต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้งบประมาณ 8 ล้านบาท
สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนในภาคเหนือมี 16 ล้านคนแล้ว จากเป้าหมาย 2567 ที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 22 ล้านคน ในช่วง 3 เดือนสุดท้าย (ต.ค.-ธ.ค.) จะมีผู้เยี่ยมเยือนอีก 6 ล้านคน สร้างรายได้ตามเป้าหมาย 1.64 แสนล้านบาท ขณะนี้ทำได้อยู่ที่ 1.14 แสนล้านบาท