- คลังเล็งแก้กฎหมายนิยามความผิด "แม่ข่าย" แชร์ลูกโซ่
- "จุลพันธ์" ยอมรับแจกเงินหมื่นเฟส 2 ยังไม่มีข้อสรุป
เปิดชื่อ 7 แม่ข่าย -พิธีกร ค.ที่ทนายความ "บอลพอล" เตรียมยื่นหนังสือถึงดีเอสไอ เป็นผู้ต้องหาคดีดิไอคอน "ลูกตาล" ยืนยันได้ยุติการดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ต้นปี 2566 ขณะที่ "กบ ไมโคร" รับมีสมาชิกเข้าร่วมธุรกิจประมาณ 15 คน สูญเงินลงทุน 2 ล้าน
วันนี้ (29 ต.ค.2567) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ นายวรัตน์พล หรือ พอล เปิดเผยในรายการโทรทัศน์หนึ่งว่า เตรียมยื่นหลักฐานให้กับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปลี่ยนสถานะแม่ข่ายที่แสดงตัวเป็นผู้ต้องหา ซึ่งระบุว่าเป็นแม่ข่ายและผู้เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจร่วมกับบริษัทดิไอคอนจำนวน 8 คน
โดยมีนายไกรภพ หรือ กบไมโคร , ลูกตาล น.ส.ชลธิชา , ฮัท ทินภัทร ,หนึ่งฟ้า , อโณทัย , อัยการท่านหนึ่งพร้อมภรรยา และพิธีกรชื่อดังอักษรย่อ ค. อีกคนหนึ่งด้วย โดยนายวิฑูรย์ ยังเปิดเผยว่า บุคคลที่กล่าวอ้างมาทั้งหมดมีหลักฐานที่จะดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

ส่วนกรณีที่มีการโอนสำนวนคดีของตำรวจส่งมอบให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ วิฑูรย์เปิดเผยว่าไม่มีความกังวลพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหากมาเป็นคดีพิเศษแล้ว พร้อมเปิดเผยข้อมูลในระบบสมาชิกของบริษัททั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบแม่ข่าย ที่มีรหัสสมาชิกมากกว่า 300,000 คน เพื่อพิจารณาตามข้อกฎหมาย ซึ่งมองว่ามีสมาชิกอีกจำนวนมากที่เข้าข่ายกระทำความผิดคล้ายกรณีของนายวรัตน์พล และผู้ต้องหากลุ่มแรกที่ถูกดำเนินคดี ไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยเปิดเผยรายชื่อสมาชิกของ น.ส.ชลธิชา มีทั้งหมด 256 คน มีรายได้ในช่วงปี 2564 ถึง 2566 เป็นเงินกว่า 2,000,000 บาท ส่วนนายไกรภพ หรือ กบ ไมโคร มีสมาชิกทั้งหมด 150 คน ยังไม่ได้เปิดเผยรายได้

ขณะที่ นายไกรภพ หรือ กบ ไมโคร เปิดเผยว่าตัวเลขที่ทนายของนายวรัตน์พลเปิดเผย ยังไม่ใช่ตัวเลขที่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งตัวเองมีสมาชิกทั้งหมดอยู่ประมาณ 75 คน เข้าร่วมธุรกิจประมาณ 15 คน ที่เหลือเป็นผู้ซื้อกินซื้อใช้ และส่วนใหญ่ก็ได้พูดคุยกันในเรื่องถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นและได้มอบอำนาจมาเป็นตัวแทนในการแจ้งความกับตำรวจโดยไม่ได้มีใครแจ้งความกล่าวโทษตัวเอง แต่ยอมรับว่าได้รายได้ซึ่งเป็นเงินส่วนแบ่งกลับคืนมาประมาณ 450,000 บาท แต่เงินที่ลงทุนไปกับคนในครอบครัวทั้งหมดเสียหายไปกว่า 2,000,000 บาท
ซึ่งก็มีความกังวลอยู่บ้าง ที่กำลังจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด แต่พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งมองว่าการที่ทนายความนายวรัตน์พล ออกมาขอโทษตัวเองและกลุ่มเป้าหมายรวม 8 คนนั้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวในกระแสสังคม และเป็นการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อที่จะสะท้อนไปถึงพยานหรือกลุ่มบุคคลที่ร่วมทำธุรกิจ ให้เกิดความหวาดกลัวและกังวลที่จะจะเข้ามาแสดงตัวเป็นผู้เสียหายในคดี

ด้าน น.ส.ชลธิชา เปิดเผยว่าก็มีความกังวลเช่นกันกรณีที่ทนายของนายวรัตน์พล พยายามยื่นหนังสือให้เจ้าหน้าที่กล่าวโทษ แต่ยืนยันความบริสุทธิ์ตั้งแต่แรกแล้วว่าตัวเองเป็นแม่ทีมที่มีสมาชิกกว่า 200 คน และเคยได้รายได้จากการเข้าร่วมธุรกิจ ตัวเลขใกล้เคียงตามที่ทนายของนายวรัตน์พลกล่าวอ้าง
แต่ยืนยันว่าได้ยุติการดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ต้นปี 2566 เนื่องจากมองว่าธุรกิจส่งผลกระทบต่อผู้เข้าร่วมทำธุรกิจมากขึ้น ซึ่งตัวเองก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฉ้อโกงใคร ว่าไปตามหลักฐานโดยเฉพาะเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะแผนธุรกิจที่เน้นหากำไรจากการลงทุน มากกว่าการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท
การให้สัมภาษณ์ของทนายยังอ้างถึงการเตรียมแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินจากนายวรัตน์พล ที่ปรากฏตามคลิปเสียง และพาพยานเท็จไปให้การกับเจ้าหน้าที่เรื่องเส้นเงินโยงไปหน่วยงานภาครัฐ อีก 4 คน
อ่านข่าว :
DSI รับดิไอคอนเป็นคดีพิเศษเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่-ยึดรถหรูผู้ต้องหาเพิ่ม