ผลสำรวจคะแนนนิยมระหว่างแฮร์ริสกับทรัมป์จะคู่คี่สูสีกันมากแค่ไหน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า คะแนนคณะผู้เลือกตั้งที่ผู้สมัครแต่ละคนจะได้รับจะสูสีกันไปด้วย
ทั้งนี้ ผู้ที่จะชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ใช่ผู้ที่ได้คะแนนเสียงจากชาวอเมริกันมากที่สุด แต่เป็นผู้ที่คว้าเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งของแต่ละรัฐได้ถึง 270 เสียงก่อนคู่แข่ง โดยผู้สมัครแต่ละคนจะมีรัฐฐานเสียงของตัวเอง ซึ่งทำให้พอจะประเมินได้ว่า ขณะนี้ในมือของผู้สมัครแต่ละคน มีคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งอยู่ในมือเท่าไหร่กันแล้ว
ข้อมูลการประเมินของสำนักข่าว CNN ชี้ว่า ปัจจุบัน "คามาลา แฮร์ริส" จากพรรคเดโมแครต น่าจะมีคะแนนในมือ 226 เสียง ขาดอีก 44 เสียงจะถึง 270 เสียง ขณะที่ "โดนัลด์ ทรัมป์" จากพรรครีพับลิกัน มี 219 เสียง และต้องการอีก 51 เสียงเพื่อไปถึงเส้นชัย
จากการประเมิน แม้ว่า "แฮร์ริส" จะมีคะแนนนำ "ทรัมป์" แต่นั่นก็เป็นเพราะรัฐฐานเสียงของพรรคเดโมแครตมักจะเป็นรัฐใหญ่ ๆ ที่มีประชากรหนาแน่น ทำให้มีคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งมากตามไปด้วย เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย มี 54 เสียง ถือว่ามากที่สุดในประเทศ
หรือนิวยอร์กที่มี 28 เสียง ก็ถือเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเดโมแครตที่รีพับลิกันเจาะได้ยาก แม้ว่า "ทรัมป์" จะลงทุนไปขึ้นเวทีหาเสียงครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคน มองว่า "ทรัมป์" น่าจะเสียแรงและเสียเงินไปเปล่า ๆ
ขณะที่ฐานเสียงของ "ทรัมป์" เองก็มีทั้งรัฐเท็กซัสที่มี 40 เสียง เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รวมไปถึงฟลอริดาที่มีอยู่ 30 เสียง ซึ่งขณะนี้ เปลี่ยนจากรัฐสมรภูมิกลายมาเป็นรัฐที่มีแนวโน้มสนับสนุนพรรครีพับลิกันแล้ว
การเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ เป็นการเลือกตั้งที่มักจะตัดสินกันด้วยคะแนนในรัฐสมรภูมิ หรือ Swing State ซึ่งเป็นรัฐที่ไม่ได้สนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งโดยเฉพาะ คะแนนจะแกว่ง เอาแน่เอานอนไม่ได้ โดย Swing State ในการเลือกตั้งรอบนี้ มีทั้งหมด 7 รัฐด้วยกัน ได้แก่ แอริโซนา, จอร์เจีย, วิสคอนซิน, เนวาดา, นอร์ธ แคโรไลนา" เพนน์ซิลเวเนีย และมิชิแกน
ขณะที่ถ้าไปดูผลคะแนนในทั้ง 7 รัฐนี้ จากการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จะเห็นว่า ส่วนต่างของชัยชนะต่ำสุดคือหลักหมื่นในรัฐแอริโซนา ไปจนถึง 150,000 เสียงในมิชิแกน โดยมีเพียงแค่รัฐนอร์ธ แคโรไลนาเท่านั้น ที่ "ทรัมป์" ชนะ "โจ ไบเดน" ส่วนที่เหลือ "ไบเดน" กวาดเรียบ โดยเฉพาะแอริโซนาและจอร์เจีย ซึ่งเลือกแต่ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 5 สมัยแล้ว
ชาวอเมริกันในรัฐ Swing State แต่ละรัฐมีประเด็นที่ให้ความสำคัญแตกต่างกันไป อย่างรัฐนอร์ธ แคโรไลนา ขณะนี้ต้องจับตาดูว่า พายุเฮอร์ริเคนเฮลีนจะส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมผู้สมัครแต่ละคนมากน้อยแค่ไหน หลัง "ทรัมป์" กล่าวหาว่า รัฐบาลนำเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปใช้กับผู้อพยพ โดยนับตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา รัฐนี้เคยเลือกผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นั่นคือ บารัค โอบามา ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2008
ขณะที่กระแสต่อต้านสงครามและนโยบายสนับสนุนอิสราเอลทำสงครามในกาซาของรัฐบาลไบเดน กำลังทำให้ "แฮร์ริส" และพรรคเดโมแครตสูญเสียเสียงสนับสนุนในรัฐมิชิแกน รัฐสมรภูมิสำคัญที่มีสัดส่วนชุมชนชาวอาหรับ-อเมริกันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เกือบ 400,000 คน
ส่วนเพนน์ซิลเวเนียถือเป็นรัฐที่ทั้ง "ทรัมป์" และ "แฮร์ริส" และบรรดาผู้สนับสนุนของทั้ง 2 พรรคการเมือง ต่างเดินสายหาเสียงกันนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งรัฐนี้เลือกทรัมป์ในการเลือกตั้งปี 2016 และไบเดนในปี 2020
เขณะที่ว็บไซต์ FiveThirtyEight นำข้อมูลเรื่องสัดส่วนประชากร สภาพเศรษฐกิจและผลสำรวจความคิดเห็นมาจัดทำเป็นแบบจำลอง 1 พันสถานการณ์ เพื่อดูว่า ใครจะมีโอกาสชนะการเลือกตั้งเท่าไหร่ ซึ่งพบว่า "ทรัมป์" มีโอกาสที่จะชนะและได้เป็นประธานาธิบดีมากถึง 545 ครั้ง สูงกว่าโอกาสของ "แฮร์ริส" ซึ่งอยู่ที่ 452 ครั้ง แต่มี 3 ครั้งที่การเลือกตั้งรอบนี้จะไร้ผู้ชนะ ซึ่งถือว่าเกิดขึ้นได้ยาก โดยมีโอกาสเกิดน้อยกว่า 1 ใน 100
ที่น่าสนใจ คือ การคาดการณ์ของแบบจำลองชิ้นนี้ พบว่า "ทรัมป์" มีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะในรัฐที่เคยเป็นของไบเดนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ได้มากถึง 84% สวนทางกับแฮร์ริสที่มีโอกาสแย่งรัฐจากมือทรัมป์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เพียง 42% เท่านั้น
การประเมินชิ้นนี้สอดคล้องกับผลสำรวจคะแนนนิยมของผู้สมัครทั้ง 2 คน ก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า แฮร์ริสมีคะแนนนำแค่ในรัฐวิสคอนซินและมิชิแกนเท่านั้น และนำน้อยกว่า 1% ด้วย ขณะที่อีก 5 รัฐ Swing State ที่เหลือ ทรัมป์มีคะแนนนำ โดยเฉพาะในรัฐนอร์ธ แคโรไลนา จอร์เจียและแอริโซนา ซึ่งทรัมป์นำมากกว่า 1%
แม้ผลสำรวจคะแนนนิยมของ "แฮร์ริส" จะแผ่วปลายและถูก "ทรัมป์" ตีตื้นจนคะแนนเท่ากันในตอนนี้ แต่จากข้อมูลนี้ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า ใครจะเป็นผู้ชนะ
อ่านข่าว : เครื่องมือการเมือง ความสัมพันธ์มัสก์-ผู้นำโลก "ใคร" ได้ประโยชน์ ?
"มัสก์" ทุ่มอีก 40 ล้าน "ทรัมป์" เลี่ยงตอบสื่อปมลวนลามนางแบบ
"โดนัลด์ ทรัมป์" ทางเลือกใหม่ ? ชาวอเมริกันผิวสี