ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เลือกตั้งสหรัฐฯ "ทรัมป์-แฮร์ริส" 5 พ.ย.ใครชนะการค้าโลกอ่วม ?

เศรษฐกิจ
28 ต.ค. 67
18:40
281
Logo Thai PBS
เลือกตั้งสหรัฐฯ "ทรัมป์-แฮร์ริส" 5 พ.ย.ใครชนะการค้าโลกอ่วม ?

ทั่วโลกจับตา 5 พ.ย.67 เลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระหว่าง “ทรัมป์-แฮร์ริส” เกียรตินาคิน วิเคราะห์ ใคร "WIN" การค้าโลกล้วน “ปั่นป่วน” ผู้ส่งต้องออกเผชิญมาตรการกีดกันการค้ารุนแรง ชี้ สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภท คาดส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม

ทรัมป์-แฮร์ริส ใครชนะ ? การค้าไทยกระทบแน่

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรหรือ เกียรตินาคินภัทร (KKP) วิเคราะห์การเลือกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยช่วงท้ายปีนี้ ระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกันและ นายโจ ไบเดน จากเดโมแครต แต่เพียง 3 เดือนก่อนการเข้าคูหากาบัตร ไบเดนไปต่อไม่ไหว ส่งไม้ต่อให้กับ นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

แม้ว่าโดยผิวเผินการเลือกตั้งในครั้งนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะมีจุดยืนกันคนละฝั่ง โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลก รวมถึงไทย อาจจะไม่ต่างกันมากนัก

ศูนย์วิจัยเกียรตินาคิน วิเคราะห์ อีกว่า ทำไมการเลือกในครั้งนี้อาจเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจโลกมากขึ้นไปอีก และไม่ว่าจะใครจะชนะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอาจจะไม่แตกต่างกันนัก จากนโยบายการค้าที่หันมากีดกันคู่ค้ามากขึ้น ต่างกันเพียงแค่ดีกรีว่าจะกีดกันมากหรือน้อย

"โลกาภิวัตน์" ที่ไม่เหมือนเดิม

มีการตั้งคำถามว่า ทำไมจู่ ๆ หลายประเทศในโลกเสรีโดยเฉพาะสหรัฐฯ หันมาขึ้นภาษีนำเข้าและกีดกันทางการค้ามากขึ้น สาเหตุหลักคงเป็นเพราะกระแสโลกาภิวัตน์แบบเดิมกำลังหันกลับมาสร้างต้นทุนมหาศาลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ในช่วงที่ผ่านมาสูญเสียส่วนแบ่งในภาคการผลิตให้แก่ประเทศอื่น ๆโดยเฉพาะจีน

ที่ทำให้การจ้างงานของแรงงานในภาคการผลิตสหรัฐฯ หดตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังปี 2000 จนเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ประโยชน์จากการค้าเสรีไม่สามารถชดเชยกับการจ้างงานที่หายไป ความไม่พอใจของกลุ่มแรงงานได้ก่อตัวขึ้น ลุกลามไปยังภาคการเมือง ทำให้นโยบายทางการเมืองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาเน้นภาคการผลิตและการจ้างงานในประเทศ

เหตุผลที่สหรัฐฯ พยายามออกแบบนโยบายนำการลงทุนกลับมาประเทศและออกนโยบายกีดกันการค้าแล้ว ยังมีประเด็นความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์หรือการเมืองระหว่างประเทศกับประเทศอื่น อย่างจีน รัสเซีย อิหร่าน เป็นอีกปัจจัยสำคัญให้กระแสโลกาภิวัตน์ไม่สามารถกลับไปเป็นแบบเดิมได้

ศูนย์วิจัยเกียรตินาคิน มองว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ ไม่ว่าใครจะชนะ มีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะไม่เห็นการค้าโลกและกระแสโลกาภิวัตน์กลับไปเติบโตรุ่งเรืองแบบในอดีต เพราะสหรัฐฯ กำลังจะไม่สนใจโลกาภิวัตน์แบบเดิมอีกต่อไปแล้ว ทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับริกันเองต่างมีนโยบายที่กีดกันทางการค้าและการลงทุนกับประเทศอื่นทั้งคู่ ต่างกันเพียงแค่รายละเอียดและเครื่องมือที่ใช้เท่านั้น

โดยทรัมป์จะมุ่งเน้นไปที่การขึ้นภาษีนำเข้าต่อประเทศคู่ค้าในทุกสินค้า ขณะที่แฮร์ริสอาจสานต่อนโยบายของไบเดน กล่าวคือ การกีดกันการเข้าถึงเทคโนโลยีและใช้การขึ้นภาษีนำเข้าต่อสินค้าสำคัญในบางประเภทเท่านั้น

แนวโน้มนี้จะมีผลกระทบค่อนข้างมากต่อกลุ่มประเทศในอาเซียน เพราะส่วนใหญ่เป็นเศรษฐกิจที่มีการพึ่งพาการค้าโลกในสัดส่วนสูง หากการค้าโลกชะลอตัวลงอาจทำให้แรงกดดันต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาวได้

นโยบาย "ทรัมป์"ไทยอ่วมขึ้นภาษีนำเข้า

แม้ว่าทั้งสองพรรคมีแนวโน้มที่จะหันหลังให้กับการค้าโลกแบบเสรีมากขึ้น และหันไปเน้นการผลิตภายในประเทศ แต่นโยบายของทรัมป์ที่จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้า 60% ต่อสินค้าจากจีน และ 10% กับทุกสินค้าที่มาจากประเทศอื่นทั่วโลก อาจเร่งให้การค้าโลกหดตัวเร็วกว่าที่คาดและจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะในด้านการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ

สำหรับนโยบายของ ทรัมป์ ที่ ผลกระทบทางตรงจากภาษีนำเข้า 10%จะทำให้มูลค่าการส่งออกไทยเผชิญกับความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหรัฐฯ เป็นตลาดสำคัญที่สุดสำหรับสินค้าส่งออกของไทย สะท้อนผ่านสัดส่วนการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจากเดิมที่ 10% ในปี 2010 เป็น 17.5% ของการส่งออกทั้งหมดในปี 2023

นอกจากนี้ การที่ดุลการค้าของไทยไม่ได้ขาดดุลมากกว่านี้ ส่วนหนึ่งเพราะตลาดสหรัฐฯ สามารถรองรับสินค้าส่งออกจากไทยได้มากขึ้น ทำให้ไทยมีการเกินดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ สูงขึ้นถึง 6% ของ GDP แต่หากดุลการค้าไทยไปยังสหรัฐฯ ลดลงจากภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นอาจทำให้ดุลการค้าโดยรวมไทยขาดดุลเพิ่มขึ้นไปอีก

นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน

นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน

นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน

การเบี่ยงเบนทางการค้าผ่านตลาดอาเซียน (Trade diversion) ประโยชน์ส่วนหนึ่งที่ไทยอาจได้รับ คือ หากสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 60% อาจทำให้ผู้ประกอบการในสหรัฐฯ หันมานำเข้าสินค้าจากตลาดอื่นในสัดส่วนที่มากขึ้น เช่น อาเซียนที่มีอัตราภาษีนำเข้าที่ต่ำกว่า ไทยอาจจะยังได้ประโยชน์จากการเบี่ยงเบนทางการค้าในส่วนนี้

อย่างไรก็ตาม การเบี่ยงเบนทางค้าอาจเป็นดาบสองคมเพราะมีความเสี่ยงที่จีนจะใช้ไทยเป็นเพียงช่องทางผ่านของสินค้าจีนไปยังสหรัฐฯ เท่านั้น (Re-routing) ซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคการผลิตในไทยน้อยมาก และยังเสี่ยงกับการถูกมาตรการตอบโต้อื่น ๆ จากสหรัฐฯ อีกด้วย

ขณะที่การโยกย้ายการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาในประเทศ (Relocation)หากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจะทำให้บริษัทข้ามชาติต่าง ๆ มีการกระจายความเสี่ยงในด้านการลงทุนและห่วงโซ่อุปทานมากขึ้น และไทยเองอาจยังได้รับอานิสงค์จากการโยกย้ายการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากประเทศจีน

แต่ในระยะสั้นอาจเห็นเม็ดเงินลงทุนชะลอตัว เพราะความไม่แน่นอนของเศรษฐ กิจโลกอาจเพิ่มสูงขึ้นจากสงครามการค้า และประโยชน์ที่ไทยจะได้รับในระยะยาวผ่านช่องทางนี้ อาจน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาความสามารถในการแข่งขันของไทยเอง

เสี่ยงสูง "สินค้าจีน"ทะลักเข้ารุนแรง

อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้ากับจีนเพิ่มขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่อุปสงค์ในจีนชะลอตัวลงยิ่งขึ้น และอุปทานส่วนเกินในจีนไม่สามารถระบายไปยังตลาดสหรัฐฯ ทำให้สินค้าต่าง ๆ จะถูกนำมาขายในตลาดอื่น ๆ โดยเฉพาะในอาเซียน รวมทั้งไทยมากขึ้นไปอีก

สินค้าที่ทะลักเข้ามาจะยิ่งทำให้ผู้ผลิตในไทยเผชิญกับการแข่งขันจากสินค้าราคาถูกจากจีนมากยิ่งขึ้น และเสี่ยงทำให้ผู้ผลิตในไทยไม่สามารถแข่งขันได้ ต้องลดปริมาณการผลิตลงต่อเนื่องหรือปิดตัวโรงงาน

ในขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเสี่ยงอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อชดเชยกับอัตราภาษีนำเข้าที่ถูกปรับขึ้น หากย้อนกลับไปดูในช่วงสงครามการค้า (Trade war) ในปี 2018 ระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะเห็นได้ว่า ค่าเงินบาทปรับอ่อนค่าตามดัชนีดอลลาร์ หลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าต่อจีน

แต่ในช่วงเวลาเดียวกันค่าเงินบาทกลับแข็งค่า เนื่องจากไทยได้อานิสงค์จากนักท่องเที่ยวจีนที่แต่ในปัจจุบันทั้งดุลการค้าที่เผชิญกับปัญหาความสามารถในการแข่งขันและภาษีนำเข้าที่จะสูงขึ้น รวมไปถึงดุลบริการ ไม่กลับไปสูงแบบในอดีต

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รับศึกหนัก

สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลักของไทย สินค้าไทยที่ส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ มีความเสี่ยงที่จะถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้าและอาจถูกมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมจากสหรัฐฯ เพราะอาจเป็นอุตสาหกรรมที่จีนใช้ไทยเป็นช่องทางผ่านเพื่อส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ ขณะที่ การท่องเที่ยว ปิโตรเคมี และบรรจุภัณฑ์มีความเสี่ยงสูงจากอุปสงค์ของจีนที่ลดลงเนื่องจากภาษีนำเข้าจากจีนที่สูงขึ้น

ภาคการผลิต เช่น เหล็กและเหล็กกล้า เฟอร์นิเจอร์ สารเคมี และยานยนต์ รวมถึง SMEs จำนวนมากในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมีความเสี่ยงสูงจากการแข่งขันนำเข้าจากจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องไปถึงภาคการเงินที่มีความเสี่ยงต่อภาคธุรกิจเหล่านี้สูง ที่อาจจะต้องเผชิญกับคุณภาพสินเชื่อและคุณภาพเครดิตที่มีแนวโน้มด้อยลงในอนาคต

นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครต

นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครต

นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครต

สำหรับ ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยจากการค้าของโลกที่กำลังเปลี่ยนไปเป็น Protectionism มากขึ้น กำลังก่อตัวขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญเปราะบางจากปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว เช่น หนี้ครัวเรือน สังคมสูงวัย ความสามารถในการแข่งขัน

หากดุลการค้าไทยขาดดุลต่อเนื่อง ภาคการส่งออกไม่สามารถเป็นแหล่งระบายสินค้าจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรมไทยได้ อาจทำให้การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมไทยลดลงหรืออัตราว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลอย่างยิ่งต่อรายได้และงบดุลของครัวเรือนไทยที่กำลังเปราะบางอยู่แล้ว และอาจทำให้ปัญหาหนี้ในปัจจุบันเป็นปัญหาหนักขึ้นไปอีก

ดังนั้นนโยบายภาครัฐควรมีการเตรียมพร้อมที่จะรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากแนวโน้มของภูมิทัศน์การค้าโลกที่กำลังเปลี่ยนไป เพื่อไม่ให้ปัญหานี้ลุกลามไปยังครัวเรือนไทยในวงกว้าง

นโยบายการค้าไทยแบบเดิมที่มุ่งเจรจาข้อตกลงทางการค้าและเปิดตลาด การลดภาษีนำเข้าอาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะอัตราภาษีนำเข้าในปัจจุบันลดลงมาอยู่ในระดับต่ำมากแล้ว การมุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าไทยและการดูแลไม่ให้เกิดการแข่งขันแบบไม่เป็นธรรมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการออกแบบนโยบาย

สนค.ชี้ พลังงานสะอาดโอกาสลงทุนไทย

ด้าน นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ไทยอาจจะได้ประโยชน์จากผลดีต่อการลงทุนในไทยโดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานชีวมวล ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้บริษัทไทยที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้เข้าร่วมลงทุนในสหรัฐฯ

รวมถึงการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนำมาซึ่งโอกาสในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการร่วมลงทุนในเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น การผลิตแบต เตอรี่ประสิทธิภาพสูง ซึ่งนโยบายของแฮร์ริสอาจส่งเสริมการลงทุนในเทคโน โลยี 5G และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทโทรคมนาคมและซอฟต์แวร์ของไทยเข้าร่วมในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก และโอกาสในการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมที่เป็นอนาคตต่าง ๆ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ (AgriTech) ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย

แต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของนโยบายของแฮร์ริส ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนอุตสาหกรรมสีเขียว อาจส่งผลให้ไทยต้องปรับเพิ่มมาตรการการผลิตเพื่อให้รักษาส่วนแบ่งตลาดภายในสหรัฐฯ ซึ่งจะก่อให้เกิดต้นทุนส่วนเพิ่มที่เลี่ยงไม่ได้ และ การสนับสนุนยูเครนและอิสราเอลส่งผลกระทบทางอ้อมต่อต้นทุนพลังงานและความไม่มั่นคงของเศรษฐกิจโลกในทางอ้อม รวมไปถึงการไม่เผชิญหน้าทางเศรษฐกิจกับจีนโดยตรงส่งผลให้สหรัฐฯ อาจต้องประสานความร่วมมือกับชาติพันธมิตรซึ่งส่งผลให้ไทยอาจจำเป็นต้องมีจุดยืนในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ผอ.สนค. กล่าวถึงนโยบายของทรัมป์ ว่า มุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง อาจเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในด้านนโยบายการต่างประเทศและจุดยืนบนเวทีความมั่นคงโลกในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่ลดการให้ความช่วยเหลือประเทศที่อยู่ในพื้นที่ขัดแย้ง เช่น ยูเครน และลดบทบาทของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนความมั่นคง

ในเวทีโลกอย่าง NATO รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในด้านนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯโดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน และอาจเพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี

อย่างไรก็ตาม ไทยอาจจะได้ประโยชน์จาก การย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังไทย และความต้องการสินค้าทดแทนสินค้าจีนจากไทยในตลาดสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบที่จะตามมา คือ มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีอาจส่งผลทางอ้อมให้ไทยมีต้นทุนในการปรับปรุงมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้องกับสหรัฐฯ เพื่อรักษาในตลาดสหรัฐฯ

หากทรัมป์ได้รับชัยชนะ นโยบาย "America First" อาจส่งผลให้การลงทุนจากสหรัฐฯ ในไทยลดลง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต การใช้มาตรการจูงใจทางภาษีเพื่อดึงการลงทุนกลับสู่สหรัฐฯ อาจทำให้บริษัทสหรัฐฯ ที่มีฐานการผลิตในไทยอาจจะพิจารณาย้ายกลับประเทศ กระทบต่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยทำให้การถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสหรัฐฯชะลอตัวลง

 

อ่านข่าว:

 CIMBT ชี้ "ทรัมป์" ชนะเลือกตั้ง เทรดวอร์ "สหรัฐ-จีน" ระอุอีกรอบ

เกาะติดเลือกตั้งสหรัฐฯ ไทยหวั่นผลกระทบนโยบายผู้นำคนใหม่

ลุ้น 3 เดือนสุดท้าย ส่งออกไทยพุ่ง สนค.หวังทั้งปีโต 2% ตามเป้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง