วันนี้ (22 ต.ค.2567) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงถึงการโอนเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ให้กลุ่มเปราะบางรอบที่ 2 ว่า เมื่อวานนี้ (21 ต.ค.) ได้โอนเงินให้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 371,591 คน โอนสำเร็จแล้ว 311,751 คน และกลุ่มผู้พิการคงค้าง 43,317 คน โอนสำเร็จ 38,265 คน
ซึ่งยังมีการคงค้าง โอนให้สำเร็จอีกประมาณ 65,000 คน กลุ่มนี้ร้อยละ 90 มีปัญหาเรื่องการผูกพร้อมเพย์ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้รีบดำเนินการ เพราะจะมีการโอนซ้ำอีก 2 ครั้ง ในวันที่ 21 พ.ย. และวันที่ 21 ธ.ค. รอบสุดท้าย หากไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ก่อนวันที่ 21 ธ.ค. จะถือว่าสละสิทธิ์ และเงินก็จะส่งคืนคลัง
ส่วนการดำเนินการที่ผ่านมา นายจุลพันธ์ ระบุว่า ทั้งรอบแรกและรอบเก็บตก 14.55 ล้านคน สำเร็จไปแล้วร้อยละ 99.5 ถือเป็นตัวเลขที่น่าพึงพอใจ หรือว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเติมเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง ถึงมือครบถ้วนแล้ว
เมื่อถามว่าเงินดังกล่าวจากการประมาณการสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ นายจุลพันธ์ ระบุว่า ขณะนี้ตัวเลขยังไม่ออก ซึ่งอย่างแรกต้องมองภาวะเศรษฐกิจโดยรวม จะเห็นได้ว่าในไตรมาสที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หลายอย่าง ทั้งน้ำท่วม และปัญหาอื่นๆ ซึ่งก็ยังสามารถประคองในสภาวะการเศรษฐกิจ ให้ตัวเลข GDP อยู่ที่ 2.7 ยังคงตรึงอยู่ได้ ด้วยกลไกที่กระตุ้นเข้าไป ส่วนตัวเลขที่ชัดๆ คงต้องรอปลายปีอีกครั้ง และกระบวนการ ที่ผ่านมาจากการประเมินด้วยผลสำรวจความคิดเห็นเมื่อเติมเงินลงไปแล้ว มีการนำไปใช้ในการลงทุนประกอบอาชีพ ที่มากที่สุดคือการอุปโภคบริโภค ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ
เปิด 2 สาเหตุหลักไม่ได้เงิน 10,000 บาท
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ (โครงการฯ) ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายโครงการรวมประมาณ 14.55 ล้านคน ว่า กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้จ่ายเงิน 10,000 บาทต่อคน ให้แก่กลุ่มเป้าหมายในระหว่างวันที่ 25 , 26 , 27 และ 30 ก.ย.2567 แล้วรวม 14,438,628 คน แบ่งเป็นจ่ายสำเร็จ 14,057,341 คน และจ่ายไม่สำเร็จ 381,287 คน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2567 กรมบัญชีกลางได้สั่งจ่ายเงินในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการที่มีสิทธิจำนวน 414,908 คน โดยประกอบด้วยการจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิที่ยังจ่ายเงินไม่สำเร็จในรอบการจ่ายเงินที่ผ่านมา และการจ่ายเงินให้แก่คนพิการที่ได้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการหรือทำบัตรประจำตัวคนพิการหรือแก้ไขข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี พบว่า ในรอบการจ่ายเงินซ้ำดังกล่าว ยังมีการจ่ายเงินไม่สำเร็จจำนวน 64,892 คน เนื่องจากสาเหตุดังนี้
1. คนพิการ จ่ายเงินไม่สำเร็จจำนวน 5,052 คน มีสาเหตุจากบัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง และรวมถึงกรณีคนพิการที่ไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยความพิการมาก่อนทำให้ไม่มีเลขบัญชีเงินฝากธนาคารสำหรับรับเงิน กรมบัญชีกลางจึงได้จ่ายเงินให้คนพิการกลุ่มนี้ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน แต่พบว่าปลายทางยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์จึงยังจ่ายเงินไม่สำเร็จเป็นจำนวน 4,646 คน
2. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายเงินไม่สำเร็จจำนวน 59,840 คน มีสาเหตุหลักเนื่องจากยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด และเลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง ในจำนวนนี้รวมถึงกรณีผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีบัตรประจำตัวคนพิการด้วยแต่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุและยังไม่ได้ต่ออายุบัตรภายในวันที่ 31 ส.ค.2567 ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับการจ่ายเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ตามสิทธิของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนั้น เมื่อพบว่าปลายทางยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์จึงยังจ่ายเงินไม่สำเร็จ
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคารเพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้นโดยเร็ว นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีคนพิการอีกจำนวน 40,658 คน ที่กรมบัญชีกลางยังไม่เคยสั่งจ่ายเงินให้ เนื่องจากจะต้องต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้องเสียก่อนตามเงื่อนไขของโครงการฯ ทั้งนี้ ขอให้ผู้มีสิทธิทุกกลุ่มที่ยังไม่ได้รับเงินเร่งดำเนินการภายในกำหนดเวลา ดังต่อไปนี้
โฆษกกระทรวงการคลังยังได้เน้นย้ำว่า เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ภาครัฐได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายแล้วรวมทั้งสิ้น 14,407,357 คน ทำให้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 144,073.57 ล้านบาท ขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินส่วนนี้แล้ว วางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและครอบครัวต่อไป
อ่านข่าว :
"จุลพันธ์" แย้มข่าวดีลุ้นเงินหมื่นเฟส 2 รอบอร์ดถถเร็วสุดปลาย ต.ค.