โดยเฉพาะปฏิบัติการ “หนุมานถล่มกรุงดิไอคอน” รวบตัวระดับบอสแบบสายฟ้าแล่บ หลังจากศาลอาญา อนุมัติหมายจับ 18 หมาย จับ 18 คน ฐานความผิด ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2567
หลังจากก่อนหน้านั้น “บิ๊กต่าย” ไปร่วมตรวจสอบหลักฐานของผู้เสียหายในคดีนี้ เมื่อ10 ต.ค. เนื่องจากเมื่อครั้งเป็น รอง ผบ.ตร. ได้เป็นหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ศปปง.ตร.) อยู่ก่อน จึงมีความรู้และเข้าใจเรื่องนี้ดี
ทั้งในการประชุมความคืบหน้าของคดี ยังได้ประสานกับกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อใช้อำนาจ ปปง. อายัดทรัพย์เจ้าของบริษัททั้งหมดไว้ก่อน สกัดไม่ให้มีการโยกย้ายทรัพย์สินออกไป
หลังปฏิบัติการ “หนุมานถล่มกรุง” บอสทั้ง 18 คน ถูกนำไปสอบปากคำที่สอบสวนกลางแบบข้ามวันข้ามคืน ชนิดคนดังต้องนอนในห้องขัง ก่อนจบลงที่ศาลอาญา เมื่อกองบังคับการปราบปราม นำตัวบอสทั้ง 18 คน ไปยื่นคำร้องขอฝากขังผลัดแรก 12 วัน
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนได้ค้านประกัน สอดคล้องกับผู้เสียหายส่วนหนึ่ง ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการปล่อยชั่วคราวต่อศาลอาญาเช่นกัน เกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และวิ่งเต้นคดี
ถือเป็นคดีแรกที่เป็นคดีใหญ่ ต้อนรับ ผบ.ตร.คนใหม่ ที่มีจำนวนผู้เสียหายกว่า 3 แสนคน และมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก จึงมีส่วนช่วยกอบกู้ภาพพจน์และความเชื่อมั่นของตำรวจได้ไม่น้อย หลังจากโดนทัวร์ลงต่อเนื่องหลายคดี รวมทั้งเรื่อง “บิ๊กตำรวจ” ขัดแย้งรุนแรง เรื่องสินบนจากเว็บพนันออนไลน์
ไม่เพียงทำผลงานเข้าตาผู้เสียหายและประชาชนทั่วไปในแง่ของความรวดเร็วการจับกุมตัว ยังเข้าตาฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ นายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.โดยตำแหน่ง ยิ่งมีข่าวพบปะหารือกับนายกฯ
ล่าสุด ทำให้ช่วยลดแรงกดดันให้กับฝ่ายการเมืองได้เปราะหนึ่ง แม้จะเหลืออีกหลายเปราะ อาทิ เรื่องเทวดาในสคบ. หรือ เรื่องเคยมีรการร้องเรียนแต่กลับเงียบหายไป
ซึ่งทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว นักวิชาการ อย่าง รศ.อดิศร เนาวนนท์ ม.ราชภัฏนครราชสีมา สะท้อนว่า เรื่องนี้ มีคนที่มีอำนาจหรืออยู่สูงกว่า สคบ. และตำรวจ จริง ทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้จนเติบโตไม่สะดุด ดังนั้น จากนี้ไปคดีนี้จะเป็นอย่างไร จะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยสำคัญ คือในเชิงข้อกฎหมายที่ฝ่ายบริหารของบริษัทอ้างว่าไม่ได้ทำผิดอะไร กับแบ็คอัพที่อยู่สูงกว่า ว่าจะยังหาทางช่วยเหลือปกป้องได้เพียงใด
กล่าวเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย โดยเฉพาะข้อกล่าวหาและฐานความผิดที่ปรากฎ เป็นเรื่องที่หลายฝ่าย แม้แต่นักกฎหมาย ก็แสดงความกังวลในการตั้งข้อหาแก่เจ้าของและบอสทั้ง 18 คน เนื่องจากยังมีข้อสงสัย ไม่ชัดเจน และยังมีเส้นแบ่งระหว่างการทำธุรกิจแบบตลาดตรง กับแชร์ลูกโซ่ หรือการฉ้อโกง เห็นได้จากมีบริษัทอื่น ๆ ทำธุรกิจลักษณะคล้ายกันนี้อยู่อีกหลายแห่ง ยังคงดำเนินการอยู่ต่อไป โดยไม่ถูกแตะต้องแต่อย่างใด
การชิงด่วนสรุป หรือตัดสินเฉพาะจากจุดเริ่มต้น หรือทำฉาบฉวยหวังให้เรื่องเงียบโดยเร็ว แต่ไม่ใช่บทสรุปจริง จึงอาจไม่ได้มีจุดจบอย่างที่คนทั่วไปคาดคิดหรือต้องการ ยิ่งการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เกิดเทคโนโลยีมากมาย จนนำไปใช้สู่การปิดกั้นช่องโหว่ช่องว่างได้ แต่ไม่ใช่แบบถาวรหรือคำตอบสุดท้าย อาจกลายเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายที่คิดไม่ซื่อ หวังร่ำรวยกอบโกยจากความไม่รู้ หรือรู้ไม่เท่าทันของผู้คนส่วนใหญ่
ยิ่งผนวกกับอำนาจและเงินตรา สามารถปิดบังซ่อนเร้นสายตามนต์เสกเป่าจากผิดให้เป็นถูกได้ ไม่ต่างจากสุภาษิตจีนโบราณ ที่ว่า “มีเงินจ้างผีโม่แป้งได้”
คำตอบที่ปลายทางสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "เอกภพ" ตั้งปมเส้นทางเงิน "ดิไอคอน" โอนผิดปกติ 8-9 พันล้าน