ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จับกระแสการเมือง: วันที่ 10 ต.ค.2567 ร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง “จตุพร” เดือด “เต้น” อย่าเงียบเงินบริจาค นปช. 42 ล้าน

การเมือง
10 ต.ค. 67
18:32
1,828
Logo Thai PBS
จับกระแสการเมือง: วันที่ 10 ต.ค.2567 ร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง “จตุพร” เดือด “เต้น” อย่าเงียบเงินบริจาค นปช. 42 ล้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

มาตามนัดจริง ๆ แต่ไม่ใช่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ คนเปิดประเด็น แต่กลายเป็น “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” มือร้องยุบพรรคก้าวไกล มาครานี้ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งในฐานะประชาชน ขอให้วินิจฉัยสั่งการให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิ และเสรีภาพ อันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

ก่อนที่ “ธีรยุทธ” จะบุกยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น ได้ดอดเข้ายื่นคำร้องดังกล่าวต่ออัยการสูงสุดมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา มีกำหนด 15 วันนับแต่วันที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดในวันที่ 9 ต.ค.2567 และไม่ปรากฏว่า อัยการสูงสุดได้ดำเนินการส่งคำร้องขอของผู้ร้องมายังศาลรัฐธรรมนูญตามที่ร้องขอ

ธีรยุทธ ในฐานะผู้ร้องจึงใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสาม โดยคำ ร้องวันนี้ มีจำนวน 65 หน้า และเอกสารประกอบ 443 แผ่น รวมคำร้องและเอกสารประกอบชุดละ 508 แผ่น จำนวน 10 ชุด รวมเอกสารทั้งสิ้น 5,080 แผ่น

สาระสำคัญของคำร้องมีถึง 6 ประเด็น เช่น ใช้พรรคเพื่อไทยเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณอยู่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ต้องเข้าเรือนจำ, มีพฤติกรรมเป็นเจ้าของผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการพรรคเพื่อไทย ให้เอื้อประโยชน์กัมพูชา, ทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทย ร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน

มีพฤติการณ์เป็นเจ้าของผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการแทน พรรคเพื่อไทยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือการเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า, มีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการพรรคเพื่อไทย มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล,

และมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ แลเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทย ให้นำนโยบายของตนแสดงวิสัยทัศน์ไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2567 เป็นนโยบาย ครม.ที่แถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 12 ก.ย.2567

งานนี้ถือว่า “ธีรยุทธ” ได้ซุ่มเตรียมการมาอย่างเงียบเชียบ ต่างจากนักร้องคนอื่น ๆ ที่มาแบบโฉ่งฉ่าง ปรู๊ดปร๊าด แล้วเงียบไป ดังนั้นต้องจับตาดูฝีมือมวยหมัดหนัก อดีตลูกศิษย์ของ “พุทธอิสระ” แห่งวัดอ้อน้อย ว่า หลังจากยื่นคำร้องแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติรับคำร้องหรือไม่

หากรับคำร้อง คดีก็จะเดินหน้าต่อไปในลักษณะเดียวกับคดียุบพรรคก้าวไกล แต่ถ้าศาลฯไม่รับคำร้อง ถือว่า ปิดฉากคำร้องไปเลย แต่ถึงอย่างไรคำร้องนี้ อาจทำให้เพื่อไทย ออกอาการเสียวสันหลังได้ ไม่มาก ก็น้อย

ปะทะเดือดอีกคู่ นอกจาก “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ฟาด “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.เกลอเก่า ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเงินบริจาคม็อบปี 2552-2553 เรื่องอมเงินบริจาค 42 ล้านหรือไม่ หลัง “หนุ่ม โคราช” FC พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหา โดยชี้แจงว่า ตนกับ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีต ประธาน นปช. ไม่ได้ดูแลเรื่องเงิน แต่ตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมายังถูกยัดข้อหา กล่าวร้าย ถูกรุมยำกินฟรีทุกวัน

“ตู่” จตุพร บอกว่า ณัฐวุฒิ ต้องออกมาชี้แจงเรื่องเงินบริจาค 42 ล้าน เพราะการชุมนุมเมื่อปี 2552 ต่อเนื่องปี 2553 ณัฐวุฒิ รับผิดชอบทางการเงิน ผมกับพี่วีระ ยินยอมโดยดุษฎี ไม่มีใครไปติดใจอะไร อีกอย่างตลอดการชุมนุมไม่เคยถามว่า ใช้จ่ายเรื่องอะไร ไม่ว่าเงินจะมาในรูปแบบใดก็ตาม และหลังการชุมนุม ก็ไม่เคยมารายงานว่าใช้จ่ายเรื่องอะไรบ้าง

“ผมกับพี่วีระ ไม่เคยไปสอบถาม ข้อเท็จจริงมีอยู่เท่านี้ ...ให้เวลา 7 วันลบโพสต์ต่าง ๆ ที่กล่าวหา ถ้าไม่ทำจะฟ้องทุกคนเป็นร้อยเป็นพันคดีก็จะทำ...เมื่อวันนี้ พะ-นะ-ท่าน เป็นที่ปรึกษานายกฯ แล้ว ช่วยอธิบายให้ คนพวกนี้ที่ปั่นเรื่องเท็จใส่ร้าย ให้เข้าใจด้วย..ไม่ควรนิ่งเงียบ ต้องแถลงชี้แจงความจริงให้ปรากฏด้วย”

ยังอยู่ “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกหลังจากแจกลายเซ็นหนังสือ “เอาความกลัวไว้ข้างหลัง เอาความหวังไว้ข้างหน้า” ที่ศูนย์ประชุมณสิริกิติ์ ว่า ยังเดินทางตลอด ทั้งต่างประเทศและต่างจังหวัดเพื่อพบชาวบ้านในพื้นที่ให้มากขึ้น และวางแผนลงพื้นที่ให้ทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมในเวลาเหมาะสม ไม่ไปเกะกะใคร

ส่วนคะแนนนนิยมที่ผลโพลระบุว่า ขณะนี้ตามหลังพรรคเพื่อไทยนั้นเคยพูดไว้ตั้งแต่ยังเป็นก้าวไกลว่า “แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร“ จะเป็นเพชรได้ ต้องใช้ทั้งความอดทน ความกดดัน ความร้อน และเวลา

“เชื่อว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน และเพื่อน สส.ของพรรค คงจะจำบรรยากาศจากอนาคตใหม่มาเป็นก้าวไกลได้ หากเราผ่านกระบวนการนี้ไปได้ ทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี และขอส่งกำลังใจให้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา”

ไม่กระทบสัมพันธ์พรรคร่วม มท.หนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงมหาดไทย ฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้เหตุผลกรณี พรรคภูมิใจไทยงดออกเสียง การลงมติร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรับฟังทุกฝ่าย การทำประชามติเป็นประเด็นสำคัญ เมื่อสภาและสมาชิกวุฒิสภา มีความเห็นไม่ตรงกัน จึงควรให้สองฝ่าหารือ และตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน ต้องสงวนท่าทีตรงนี้ไว้ก่อน

มท.หนู “อนุทิน” บอกว่า การงดออกเสียง ไม่ได้แปลว่า ไม่เห็นด้วยหรือสวนทางใคร แต่เราต้องการจะฟังเพื่อมีส่วนร่วม ซึ่งพรรคภูมิใจไทยก็สามารถตั้งกรรมาธิการตามสัดส่วนเข้าไปได้ …ไม่ได้โหวตสวนทางกับรัฐบาล นี่ไม่ใช่เรื่องของนโยบาย หรือการทำงานของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสภา ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร

“เราไม่ใช่หุ่นยนต์ สส.ทุกคนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง จะไปสั่งซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน โดยที่ไม่ให้เขาได้แสดงความคิดเห็นเลยก็ไม่ได้” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุ

อ่านข่าว : "กันต์ กันตถาวร" ประกาศยุติบทบาทพิธีกรทุกรายการ

ส่งออกไทยแข่งยาก TTB ชี้ 70% ถูกดิสรัป แนะนักลงทุนเร่งปรับตัว

"เจ้นุช" คนสนิท "แม่ตั๊ก" เข้าให้ปากคำตำรวจคดีหลอกขายทอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง