วันนี้ (9 ต.ค.2567) ตำรวจคุมตัวนายพรมธาดา หรือใบหนาด ออกจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อนำตัวไปสอบปากคำต่อที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ สน.ทุ่งสองห้อง
ระหว่างการควบคุมตัว นายพรหมธาดา เปิดเผยว่า ขอโทษลูกค้าทุกคน พร้อมที่จะรับผิดชอบ และจะให้การในชั้นศาล
พล.ต.ต.จิรวัฒน์ ผดุงธรรม รอง ผบช.สอท. รักษาราชการแทน ผบช.สอท. เปิดเผยว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้เสียหายเดินทางมาร้องเรียนที่ บช.สอท. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหลังมีพฤติการณ์เข้าข่ายฉ้อโกง และเมื่อวานนี้ (8 ต.ค.) ชุดสืบสวนได้ไปขอศาลอาญาออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชุดสืบสวนได้เข้าทำการจับกุมดังกล่าว
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยก่อนหน้านี้นายพรมธาดาประกอบอาชีพลูกจ้างร้านทอง จ.สุราษฎร์ธานี และเรียนรู้วิธีซื้อขายทอง จนกระทั่งในปี 2566 มีการจัดตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง โดยมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท และเริ่มไลฟ์ขายของ จูงใจให้คนมาซื้อด้วยการเสนอราคาที่ถูกกว่าตลาดประมาณร้อยละ 50 พร้อมอ้างว่าตนเองอยู่ระหว่างทำโรงงานขายทองและจะมีสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่มาสั่งซื้อทองเพื่อสมนาคุณให้กับผู้ติดตามในสื่อโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม TikTok หากใครมาซื้อในระยะเวลาเร็วที่สุดก็จะได้ทองราคาถูก
ขณะเดียวกันยังพบว่า มีการว่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังให้มาร่วมไลฟ์ขายของ ทำให้มีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีผู้เสียหายบางคนจ่ายเงินไปแล้วแต่ไม่ได้รับของ หรือได้รับไม่ครบเต็มจำนวน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ก่อนจะยุติการขายในปี 2567 เนื่องจากราคาทองมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ต้นทุนในการซื้อทองไปหลอกจูงใจผู้เสียหายสูงมากขึ้น อีกทั้งไม่สามารถหมุนเงินมาซื้อทองได้ทัน ประกอบกับมีผู้เสียหายไปแจ้งความพร้อมกับบอกต่อกัน จึงทำให้เรื่องแดง จนสุดท้ายไม่มีใครเข้ามาซื้อทองคำจากผู้ต้องหา ทำให้ต้องยุติกิจการ
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. ระบุว่า นอกจากข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขณะนี้ตำรวจยังไม่พบพฤติการณ์โฆษณาเกินจริง เพราะทองคำที่ขายนั้นเป็นทองคำแท้ แต่เนื่องจากมูลค่าความเสียหายสูงถึง 180 ล้านบาท และพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีผู้ต้องหาถึงกว่า 200 ล้านบาท จึงต้องตรวจสอบทรัพย์สิน
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบข้อมูลว่ามีทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ นอกจากบ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ซึ่งอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ และบัญชีธนาคาร 3 บัญชี ซึ่งมีเงินคงค้างอยู่เพียงหลักหมื่นเท่านั้น ส่วนนี้จึงต้องตรวจสอบว่าผู้ต้องหามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน หรือมีพฤติการณ์เข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่ เนื่องจากการตรวจสอบในบัญชีพบว่า มีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างส่งข้อมูลให้สำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบ
อ่านข่าว : จับ "ใบหนาด" หลอกขายทองออนไลน์ เสียหาย 85 ล้านบาท