"กรุงศรี" ชี้ ศก.ไทยโต 2.4% คาดกนง.ไม่ลดดอกเบี้ยปีนี้

เศรษฐกิจ
8 ต.ค. 67
17:44
48
Logo Thai PBS
"กรุงศรี" ชี้ ศก.ไทยโต 2.4% คาดกนง.ไม่ลดดอกเบี้ยปีนี้
ศูนย์วิจัยกรุงศรียังคงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตที่ 2.4% และคาดกนง.อาจคงดอกเบี้ยนโยบายถึงสิ้นปีนี้ แต่มีแนวโน้มปรับลดในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า

วันนี้ ( 8 ต.ค.2567) ศูนย์วิจัยกรุงศรีฯ วิเคราะห์เศรษฐกิจไทย ในเดือนส.ค.ได้แรงหนุนหลักจากการส่งออก ขณะที่การฟื้นตัวในรายสาขาอื่นยังเปราะบาง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)รายงานเศรษฐกิจโดยรวมเดือนส.ค.ทรงตัวจากเดือนก่อน โดยส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำขยายตัวต่อเนื่อง บวก 3.6% ส่วนหนึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวจากการเร่งส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปไปยังประเทศคู่ค้าที่ขาดแคลน การส่งออกยางไปอินเดีย

ขณะที่ภาคท่องเที่ยวชะลอลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ลบ 6.7% โดยเฉพาะจากจีนและมาเลเซียหลังเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า ด้านการใช้จ่ายในประเทศ การบริโภคภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย บวก0.5% ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทน
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนลดลง ลบ 3.3% จากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ด้านการผลิตอุตสาหกรรมกลับมาหดตัว ลบ3.0% หลังจากเร่งไปในเดือนก่อน กอปรกับสินค้าคงคลังในหลายหมวดยังอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีฯ บังได้ประเมินแรงส่งจากการใช้จ่ายในประเทศที่แผ่วลงในช่วงไตรมาส 3 อาจกลับมากระเตื้องขึ้นได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการโอนเงินให้กับกลุ่มเปราะบางรายละ 10,000 บาท วงเงินรวม 1.45 แสนล้านบาท โดยภาครัฐดำเนินการโอนแล้วในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อ GDP ปีนี้ บวก 0.2% -0.3%

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกรุงศรีฯ ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของ GDP ในปี 2567 ไว้ที่ 2.4% เนื่องจากผลบวกจากมาตรการข้างต้นอาจถูกลดทอนด้วยผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่สร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยในกรณีฐาน (Base Case)

วิจัยกรุงศรีคาดว่าจะมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจะอยู่ที่ประมาณ 8.6 ล้านไร่ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรและทรัพย์สินอื่นๆ รวมแล้วประมาณ 46.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็น -0.27% ของ GDP และหากกรณีเลวร้ายสุด (Worst case) พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 11 ล้านไร่ มีมูลค่าความเสียหายรวม 59.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็น ลบ 0.34% ของ GDP

ทั้งนี้คาดว่า กนง.ยังคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนต.ค.นี้ แต่มีแนวโน้มเริ่มปรับลดในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 หลังจากที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลังหลังหารือกับผู้ว่าธปท.ในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็น กรอบเงินเฟ้อ การแก้ไขหนี้ครัวเรือน และการแลกเปลี่ยนสถานการณ์เศรษฐกิจ พร้อมกับยืนยันว่ายังสนับสนุนหลักการการลดดอกเบี้ยนโยบายเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน

สำหรับการประชุมกนง.ครั้งล่าสุดในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีมติ 6 ต่อ 1 ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% เนื่องจากประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่โน้มเข้าสู่ศักยภาพและการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน ส่วนการประชุมครั้งถัดไปจะมีขึ้นสัปดาห์หน้าในวันที่ 16 ต.ค.นี้ ซึ่งนับเป็นการประชุมครั้งที่ 5 ของปีนี้

โดยศูนย์วิจัยกรุงศรีฯคาดการณ์ว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ จากปัจจัยสนับสนุน ดังนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง โดยคาดว่าการเติบโตของ GDP จะปรับดีขึ้นสู่ 3.6% ในไตรมาส 4 จากราว 2.3% ในไตรมาส 3 จากแรงส่งของภาคท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งขึ้นหลังจากล่าช้าในช่วงก่อนหน้า

มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศจากการโอนเงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ และ อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ภายในสิ้นปี 2567 ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายนอยู่ที่ 0.61%

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งๆ ละ 0.25% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เนื่องจาก ภาวะการเงินที่มีแนวโน้มตึงตัวขึ้น โดยการเพิ่มขึ้นของหนี้เสีย (NPLs) จะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริง ผลเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายทยอยลดลง และ ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายระหว่างสหรัฐฯ และไทยที่แคบลง

หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแรงกดดันจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน จากปัจจัยเหล่านี้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะลดลงสู่ระดับ 2.00% ภายในสิ้นปี 2568

อ่านข่าว:

ก.อุตฯเล็งใช้ยาแรง สั่ง สมอ. เร่งปราบสินค้านำเข้ามาตรฐานต่ำ

SME ชี้ไม่ได้รับอานิสงส์แจกเงินหมื่น - ชง "คนละครึ่งภาคแรงงาน"

“ทองคำ” ปิดตลาด บวก 250 บาท ลุ้นราคาทะลุ 45,000 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง