- จับกระแสการเมือง: วันที่ 8 ต.ค. 2567 (ยังไม่) จบครับนาย "เนวินพบทักษิณ" ตู่ ถาม เต้น ตระบัดสัตย์ ? นั่งใจกลางรัฐบาล
- "อนุทิน" รับพา "เนวิน" เข้าจันทร์ส่องหล้า กินมื้อเย็นฉลองวันเกิด
ก่อนหน้านี้ คอการเมืองเคยได้ยินวลี “มันจบแล้วครับนาย” แล้วจะเกิดวลี “เริ่มต้นใหม่ครับนาย” หรือไม่
เพราะหากย้อนกลับไปในอดีต นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่นายเนวิน ชิดชอบ ย้ายไปร่วมพรรคด้วยในการเลือกตั้งปี 2548 และได้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในปีนั้น
นายทักษิณ เมื่อครั้งเป็นนายกฯ สมัยที่ 2 หลังการเลือกตั้งปี 2548 ได้สร้างความฮือฮาโดยเลือกจัดประชุม ครม.สัญจร กลางอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2548 และก่อนหน้านั้น เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2544 ปีแรกของการเป็นนายกฯ นายทักษิณได้ใช้โบกี้รถไฟเป็นสถานที่จัด ครม.สัญจร ที่ จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังเคยไปช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2549 ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าเลือกตั้งเป็นโมฆะ โดยขี่ช้าง “พลายบัว” ลงพื้นที่ โดยมีนายเนวิน ในฐานะแกนนำของพรรคเป็นผู้คอยเดินขนาบข้าง ด้วยความเชื่อว่า ผู้ได้ขึ้นขี่หลังช้างจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แคล้วคลาด ในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากการชุมนุมประท้วงขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรฯ
ยังไม่นับเลือกตั้งปลายปี 2550 นายเนวินได้เป็นแม่ทัพใหญ่ของพรรคพลังประชาชน ดูแลภาคอีสาน นำทัพปักธง สส.ได้เป็นกอบเป็นกำ และนายชัย ชิดชอบ บิดานายเนวิน ที่ได้เลือกเป็นประธานสภาผู้แทนฯและประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งเมื่อปี 2551 สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
สะท้อนให้เห็นความผูกพันที่แน่นหนาระหว่างนายทักษิณ กับนายเนวินเมื่อครั้งอดีต
หลังจากวลี “มันจบแล้วครับนาย” หลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ พรรคภูมิใจไทยที่แยกตัวออกมา ไปร่วมสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี สร้างความไม่พอใจให้กับนายทักษิณอย่างยิ่ง จากนั้นแม้จะเคยมีข่าวลือว่า ได้มีการประสานพบปะเคลียร์เรื่องค้างคาใจกันระหว่างทั้งคู่ แต่ไม่เคยมีภาพเป็นหลักฐานยืนยัน รวมทั้งไม่เคยมีใครออกมายืนยันเรื่องนี้เลย
กระทั่งนายทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้ง ในรอบ 17 ปี เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 เรื่องพบกันของ 2 คน ผู้มากบารมีทางเมือง ก็ยังคงเป็นเพียงข่าวลือ กระทั่งมีเปิดประเด็นเรื่องนี้อีกครั้งจากสื่ออาวุโสรายการหนึ่ง
แต่ในทางปฏิบัติ พรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย สามารถประสานร่วมงานการเมืองมาได้ตลอด ผ่านการประสานและเป็นตัวเชื่อมต่อ อย่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่นายเนวินประกาศจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้
รวมทั้งล่าสุด ในงานวันคล้ายวันเกิดปีที่ 66 ของครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย เมื่อไม่กี่วันก่อน ที่ได้ปรากฎภาพการร่วมงานอย่างคับคั่ง ทั้งระดับรัฐมนตรี สส. สว. ข้าราชการระดับบิ๊กหลายกระทรวง รวมทั้งนักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่น
ด้วยบุคลิกที่อ่อนน้อม ทำให้นายอนุทินรับบทบาทเป็นตัวประสาน 2 พรรคได้อย่างลงตัว และเพราะมีท่าทีเคารพนับถือนายทักษิณ ในฐานะผู้เปิดโอกาสให้ก้าวเดินบนเวทีการเมือง รวมทั้งท่าทีต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่ว่าจะเมื่อครั้งเข้าสู่เวทีการเมืองใหม่ๆ กระทั่งปัจจุบัน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว
นายอนุทินจึงได้รับความไว้วางใจจากนายทักษิณไม่น้อย แม้ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองตึงเครียด กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกอดีต 40 สว.ยื่นสอย นายทักษิณก็เลือกที่จะเดินทางไปพบนายอนุทินที่รีสอร์ทหรูย่านเขาใหญ่ จนกลายเป็นที่มาของ “ปฏิญญาเขาใหญ่”
แม้ข่าวการพบปะกันของ 2 คนใหญ่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จะได้รับคำตอบจากนายอนุทินว่า เป็นเรื่องไร้สาระ ในทำนองปฏิเสธ แต่จากอากัปกริยาลุกลี้ลุกล้นของนายอนุทินเมื่อต้นสัปดาห์(จันทร์ 7 ตุลาคม) ทำให้กูรูทางการเมืองส่วนหนึ่ง เชื่อว่า น่าจะได้พบและเจรจาเรื่องสำคัญกันจริง แต่ไม่ต้องการสื่อสารให้คนอื่นได้รับทราบ ด้วยเป็นเรื่องความลับทางการเมือง
แต่ประเด็นสำคัญ ไม่ได้อยู่ที่ว่า ได้เจอกันจริงหรือเพียงแค่ข่าวปล่อย แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ คือมีฝ่ายที่ต้องการให้มีข่าวดังกล่าวปรากฏสู่สาธารณชนว่า “ผู้มากบารมีการเมืองปัจจุบัน 2 คน” ได้พบปะกันแล้ว
ด้านหนึ่งจะทำให้สถานการณ์ทางการเมือง ที่ยังมีความพยายามปลุกกระแสให้ดูอึมครึม โดยเฉพาะเรื่องนัดหมายมวลชนลงสู่ท้องถนนขับไล่รัฐบาล ได้รับการผ่อนคลายลง เห็นได้จากแกนนำทั้งในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย สามัคคีพูดตรงกันว่า การปลุกม็อบจุดไม่ขึ้น
อีกด้านหนึ่ง เกี่ยวเนื่องกับร่างกฎหมายประชามติ ที่จะเป็นกุญแจดอกแรกสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ถูกวีโต้จากวุฒิสภา เปลี่ยนใจให้กลับไปใช้เสียงโหวตข้างมาก 2 ชั้น หรือดับเบิ้ลมาจอริตี้ ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลายืดเยื้อออกไปอีก
มีหลายขั้นตอนกระทั่งมีแนวโน้มว่า การแก้ไขทั้งฉบับจะทำได้ไม่ทันอายุสภาชุดนี้ ด้วยมีการเจรจาตกลงร่วมกันหาทางออกสำหรับทางตันนี้ร่วมกัน
แต่อาจหวังชูเรื่อง “นายกฯคนละครึ่ง” เป็นประเด็นเบี่ยงเบนความสนใจ เนื่องเพราะประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่
ไม่นับรวมประเด็นแข่งบารมีท่างการเมือง ระหว่าง น.ส.แพทองธาร จากพรรคเพื่อไทย กับนายอนุทิน จากพรรคภูมิใจไทย ที่แม้จะมีภาพการประสานทำงาน ร่วมกันขับเคลื่อนงานการเมืองต่อไปได้
แต่ก็แฝงด้วยการแข่งขันและชิงไหวชิงพริบอยู่ในที โดยมีเป้าหมายสำคัญ อยู่ที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้งคู่
ข่าวการเจอกันของนายทักษิณกับนายเนวิน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า มีนัยการประสานและบทบาทสำคัญ ในการเจรจาคลี่คลายและหาทางออกทางการเมืองร่วมกัน ในประเด็นที่จะมีตกลงกัน
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : กระแส "หมูเด้ง" ซอฟต์พาวเวอร์ต่อยอดธุรกิจ
"หมูเด้ง" รันได้ทุกวงการ แต่จะมา "ละเมิดลิขสิทธิ์ั" กันไม่ได้นะนุด