เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2567 นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ออกมาเสนอหลังจากประเมินว่าเงิน 10,000 บาทที่ช่วยกลุ่มเปราะบางกว่า 14.5 ล้านคน ไม่ได้ส่งผลดีต่อเอสเอ็มอี จึงมีการเสนอ "คนละครึ่งภาคแรงงาน" คือรัฐบาลจัดสรรงบประมาณเบื้องต้น 50,000 ล้านบาท โดยแจกจ่ายให้กับแรงงานไทยทั้งในระบบและนอกระบบเดือนละ 1,000 บาทต่อคน ต่อเนื่อง 3 เดือน และใช้เงินซื้อสินค้าหรือบริการกับเอสเอ็มอีและรายย่อยที่ขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการนี้
ทั้งนี้ มองว่าจะได้ประโยชน์ 4 ด้านคือ กระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้ เพราะคนละครึ่งรัฐช่วยเหลือค่าครองชีพครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งเป็นเงินของประชาชนเอง, เพิ่มสภาพคล่องในระบบฐานราก, ใช้โอกาสนี้เปิดโอกาสให้รายย่อยนอกระบบมาอยู่ในระบบฐานผู้ทำการค้าในระบบของภาครัฐ และใช้ข้อมูลจากโครงการนี้ตรวจสอบและพัฒนาแรงงานหรืออาชีพเพื่อลดภาระรัฐบาลในอนาคต
นายแสงชัย ยกตัวอย่าง แรงงานตามมาตรา 40 มีประมาณ 20 ล้านคน กลุ่มนี้เมื่อได้เงิน 1,000 บาท เขาก็จะสมทบเงินที่มีอีก 1,000 บาทเพื่อการใช้จ่าย ก็เท่ากับคูณสองที่จะมีเข้าระบบ เงินที่รัฐจัดสรร 50,000 บาทก็จะเพิ่มเป็น 1-2 แสนล้านบาทกับงบที่ใช้ 1,000 บาท หากทำต่อเนื่อง 3 เดือน เงินเข้าระบบเศรษฐกิจก็จะเพิ่มอีก 1-2 เท่า ก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็ว ซึ่งเรื่องนี้หากมีโอกาส สมาพันธ์จะเสนอแนวคิดผ่านเวทีต่างๆ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ต้องเสนอเพราะจากการสอบถามและสำรวจการใช้จ่ายเงิน 10,000 บาทของผู้ได้รับสิทธิตามเป้าหมายรัฐบาล 14.5 ล้านคน ธุรกิจเอสเอ็มอียังไม่ได้รับอานิสงส์จากงบประมาณนี้ และเห็นว่าการใช้จ่ายบางส่วนไม่ตรงวัตถุประสงค์ เช่น ซื้อสุรา ยาเสพติด การใช้จ่ายจึงเป็นแบบกระจุกตัว ไม่ได้กระจายทั่วถึงเหมือนโครงการคนละหนึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน หรือโครงการอีซี่-อีรีซีท ที่เป็นการใช้จ่ายของประชาชนโดยรวม
อ่านข่าว
สนค.ชี้แจกเงินหมื่น ช่วยดันยอดขายร้านค้าพุ่ง
รมว.ท่องเที่ยวแจง "เราเที่ยวด้วยกัน" ไม่ทันกระตุ้นเศรษฐกิจสิ้นปี
เชียงใหม่น้ำลด เริ่ม Big Cleaning คาดเศรษฐกิจเสียหาย 2 พันล้าน