ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ก้าวข้ามการสูญเสีย How to เยียวยาความเศร้าใน "หัวใจเด็ก"

ไลฟ์สไตล์
4 ต.ค. 67
17:37
195
Logo Thai PBS
ก้าวข้ามการสูญเสีย How to เยียวยาความเศร้าใน "หัวใจเด็ก"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เด็ก ๆ ที่ประสบกับการสูญเสีย ต้องเผชิญกับความเศร้า ความเจ็บปวดเกินกว่าหัวใจเล็ก ๆ ของพวกเขาจะรับไหว การดูแลจิตใจเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนและต้องการความเอาใจใส่ เพราะทุกย่างก้าว มีผลกระทบที่ลึกซึ้งต่อการเติบโตและพัฒนาการของพวกเขา

ความสูญเสียอาจทำให้หัวใจของเด็กเต็มไปด้วยความสับสน วิตกกังวล และความรู้สึกไม่มั่นคง ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งด้านพฤติกรรมและอารมณ์อย่างชัดเจน การให้การสนับสนุนที่ถูกต้องและเหมาะสมจึงเป็นเสมือนแสงสว่างที่ช่วยให้เด็ก ๆ ก้าวผ่านความมืดมิดของความเจ็บปวดได้

วิธีการช่วยเหลือที่สำคัญ เริ่มจากการสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความปลอดภัย ให้เด็กมีพื้นที่ในการแสดงออกถึงความรู้สึกที่พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้อย่างชัดเจน การรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้างและไม่ตัดสิน เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นว่า พวกเขาไม่โดดเดี่ยวในการเผชิญกับความเจ็บปวดนี้ 

7 วิธีฮีลใจหัวใจดวงน้อยจากความเจ็บปวด

1.รับรู้-เข้าใจกับการสูญเสียของเด็ก

เด็ก ๆ แต่ละช่วงวัยมีความสามารถในการเข้าใจเรื่องการสูญเสียต่างกัน เด็กเล็กอาจไม่เข้าใจความหมายของการเสียชีวิตหรือการสูญเสียสักเท่าไหร่ ในขณะที่เด็กโตอาจเริ่มตระหนักถึงความหมายและความจริงของการสูญเสีย ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ควรเข้าใจระดับการพัฒนาทางอารมณ์และความเข้าใจของเด็ก เพื่อสื่อสารและตอบคำถามเกี่ยวกับการสูญเสียได้อย่างเหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องใช้ภาษาที่ชัดเจน อ่อนโยน และซื่อสัตย์ เพื่อช่วยให้เด็กเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

2.สร้าง Safe Zone ให้เด็ก

เด็กที่ประสบการสูญเสียมักรู้สึกสับสนและไม่มั่นคง การสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็ก เพื่อให้พวกเขาแสดงออกถึงความรู้สึกและความคิดอย่างเสรีเป็นสิ่งสำคัญ เด็กบางคนอาจเลือกที่จะเก็บความรู้สึกเงียบ ๆ ในขณะที่บางคนอาจแสดงออกด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ผู้ปกครองควรสนับสนุนให้เด็กพูดคุยหรือแสดงความรู้สึกออกมา ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงความเศร้า โกรธ หรือกลัว 

3.สนับสนุนทางอารมณ์และความมั่นคง

ภายหลังการสูญเสีย เด็กอาจรู้สึกกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต สิ่งสำคัญคือต้องทำให้พวกเขารู้สึกมั่นคงและปลอดภัย พยายามรักษากิจวัตรประจำวันให้คงที่ เพื่อให้เด็กมีสิ่งที่คุ้นเคยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว การอยู่เคียงข้างและให้ความสนใจอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นคงและลดความวิตกกังวลใจในเด็กได้

4.ยอมรับความเศร้า ให้เวลาเยียวยา

ความเศร้าและความทุกข์ใจเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นหลังจากการสูญเสีย การที่เด็ก ๆ จะรู้สึกเศร้าไปในช่วงเวลาหนึ่งเป็นเรื่องที่ควรยอมรับ "อย่าเร่งรัดให้เด็กลืมหรือข้ามความเจ็บปวด" การสนับสนุนให้เด็กแสดงออกถึงความเศร้าด้วยการร้องไห้ การระบายอารมณ์ หรือ การพูดคุยเกี่ยวกับความทรงจำที่ดีกับคนที่จากไป จะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะจัดการกับความเจ็บปวดนี้

5.เปิดโอกาสให้เด็กสร้างความทรงจำและอำลา

การช่วยให้เด็กสร้างพิธีกรรมหรือทำสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาได้อำลา เช่น การเขียนจดหมายถึงผู้ที่จากไป การวาดภาพ หรือการจัดพิธีเล็ก ๆ เพื่อระลึกถึงคนที่รัก เป็นวิธีที่ช่วยให้เด็กมีโอกาสจัดการกับความรู้สึกและแสดงความเคารพต่อความทรงจำที่ดี ยังช่วยให้เด็กได้เชื่อมโยงและเรียนรู้ที่จะรับมือกับการสูญเสียในทางที่เป็นบวก

6.ส่งเสริมการใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความหมาย

แม้การสูญเสียจะเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ แต่ผู้ปกครองควรช่วยให้เด็กเห็นความสำคัญของการก้าวต่อไปในชีวิต การพูดคุยถึงสิ่งที่ยังคงมีอยู่ในชีวิตที่ทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่า เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือความฝันที่พวกเขาตั้งใจจะทำ เป็นวิธีหนึ่งในการเสริมสร้างความหวังและสร้างพลังใจให้กับเด็ก การสนับสนุนให้เด็กทำกิจกรรมที่ชอบหรือสิ่งที่พวกเขาสนใจยังช่วยให้พวกเขากลับมามีความสุขอีกครั้ง

7.เข้าถึงความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

หากเด็กมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เช่น มีอาการซึมเศร้า ก้าวร้าว หรือถอนตัวออกจากสังคม ควรพิจารณาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาเด็ก นักบำบัด หรือที่ปรึกษาทางอารมณ์เพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม การบำบัดด้วยการเล่น (Play Therapy) หรือการบำบัดทางศิลปะ เป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้เด็กแสดงออกและจัดการกับความรู้สึกที่ซับซ้อน

10 สัญญาณอาการบาดเจ็บในใจ เด็ก-วัยรุ่น

  1. นึกถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ
  2. ฝันร้ายบ่อย ๆ
  3. มีปัญหาด้านพฤติกรรม หงุดหงิด โกรธ อารมณ์แปรปรวน สมาธิไม่ดี
  4. มีปัญหาความอยากอาหารหรือการนอน
  5. กังวลใจเรื่องคนใกล้ตัวเกินไป
  6. ความกระสับกระส่าย ตกใจง่ายจากเสียงดัง
  7. การถดถอยไปสู่พฤติกรรมตอนเป็นเด็กเล็ก เช่น การเกาะติด การฉี่รดที่นอน หรือการดูดนิ้ว
  8. แยกตัวหรือการถอนตัวจากผู้อื่น
  9. การใช้แอลกอฮอล์หรือยาเสพติดในวัยรุ่น
  10. ไม่อยากไปโรงเรียน เรียนรู้น้อยลง ไม่อยากเล่นกับเพื่อน ฯลฯ

การดูแลจิตใจเด็กที่ประสบภาวะสูญเสีย ต้องใช้ความเข้าใจและความอดทนจากผู้ปกครองและผู้ดูแล การสร้างสภาพแวดล้อมที่เด็กสามารถแสดงความรู้สึกได้อย่างปลอดภัย การให้เวลาในการฟื้นฟู และการสนับสนุนในการกลับมามีความหวังและความสุขในชีวิต ล้วนเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เด็กสามารถก้าวข้ามความเจ็บปวดและเติบโตไปได้อย่างมีสุขภาพจิตที่แข็งแรง

ที่มา :
- บทความจาก The American Academy of Pediatrics (AAP) : "Helping Children Cope With Grief"
- องค์การยูนิเซฟ: "Supporting Your Child Through Grief"
- บทความจาก Mayo Clinic: "Children and Grief : How to Support Them"
- Child Mind Institute, Inc. องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร

อ่านข่าวอื่น :

อัปเดตเด็กหญิง 14 ปีรถบัสไฟไหม้ อาการดีขึ้น-แผลไม่ติดเชื้อ

"อนุทิน" สั่งระดมสรรพกำลัง ช่วยน้ำท่วม "เชียงราย-เชียงใหม่" รอบ 2

ดรามา! บัญชีบริจาครถบัสไฟไหม้ เจ้าของรถเยียวยาคนละ 5 หมื่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง