วันนี้ (1 ต.ค.2567) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายเสกสม อัครพันธ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และ พล.ต.ท.ไตรรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ แถลงความคืบหน้า กรณีรถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เกิดอุบัติเหตุ ทำให้มีนักเรียนและครูผู้เสียชีวิต 23 และบาดเจ็บจำนวนมาก
รถบัสใช้ความเร็วไม่เกินกฎหมายกำหนด
นายเสกสม อัครพันธ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ตามกฎหมายรถบัสสามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. เบื้องต้นพบว่า รถบัสคันดังกล่าวใช้ความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนด โดยใช้ความเร็วประมาณ 80 กม. ขณะที่กฎกระทรวงเรื่องการใช้ก๊าซและการตรวจสภาพนั้นสามารถทำได้ และต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย
นายเสกสม ตอบคำถามกรณีการจดทะเบียนรถบัสคันดังกล่าวด้วยว่า จากข้อมูลพบว่า รถบัสคันดังกล่าวจดทะเบียนครั้งแรกในเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2513 โดยรถคันนี้มีประเด็นในกรณีอายุโครงรถหรือแชสซี โดยจดทะเบียนใหม่ในปี 2561 โดยเปลี่ยนแปลงขนาดแชสซี ตัวถัง และเชื้อเพลิงเป็นก๊าซเอ็นจีวี ด้วย
ซึ่งเป็นข้อมูลจากการจดทะเบียน ขณะที่ความถูกต้องในการใช้งานตรงกับเอกสารที่จดทะเบียนหรือไม่ นั้นเจ้าหน้าที่สอบสวนอุบัติเหตุและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะร่วมตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ ในการบันทึกตรวจสภาพล่าสุด เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2567 และพบว่าการต่อทะเบียนล่าสุดเมื่อวันทื่ 30 มิ.ย.2568 ขณะที่การตรวจสอบหนังสือรับรองการใช้ก๊าซ สามารถตรวจสอบได้ว่าถูกต้องและตรงกับเอกสารหรือไม่ โดยกรมได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว
คมนาคม "ตรวจรถติดก๊าซ" ทั้งระบบ
นายเสกสม กล่าวเพิ่มเติมว่า นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ได้เรียกประชุมและสั่งการให้ทางกรมฯ เรียกรถสาธารณะทั้งประจำทางและรถไม่ประจำทางที่ใช้ก๊าซ CNG ทั้งหมดเข้าตรวจสอบสภาพ โดยมีประมาณ 13,000 คัน รวมถึงการยกระดับมาตรฐานรถขนโดยสารไม่ประจำทางทั้งระบบ
นอกจากนี้ยังบูรณาการกับกระทรวงศึกษากรณีการนำนำรถเช่าเหมาหรือรถโดยสารไม่ประจำทางไปเดินทางนั้นจะต้องประสานสำนักงานขนส่งจังหวัดให้ตรวจความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
นอกจากนี้ จะออกกฎหมายและระเบียบให้พนักงานขับรถและพนักงานประจำรถได้อบรมและทดสอบหลักสูตรการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้โดยสารและออกระเบียบว่า ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูลและแนวทางการเผชิญเหตุฉุกเฉินแก่ผู้โดยสารในการเดินทางเช่นเดียวกับสายการบิน และต้องมีผู้ประจำรถเช่นเดียวกับรถโดยสารประจำทางด้วย
จ่อตรวจสอบปมจดทะเบียนติดตั้งก๊าซ 6 ถังแต่ติดตั้งจริง 11 ถัง
นายเสกสม กล่าวตอบคำถามกรณีการติดตั้งก๊าซ โดยระบุว่า ขณะเกิดเหตุมีการติดตั้งถังก๊าซ 11 ถัง แต่มีการจดทะเบียนในหนังสือรับรอง 6 ถัง โดยขณะนี้ได้กรมฯได้ 1.พักใบอนุญาตผู้ประกอบการขนส่ง 2.พักใบประกอบอนุญาตของผู้ขับรถ และ 3.ยกเลิกการขึ้นทะเบียนบุคลากรจัดการความปลอดภัยในการขนส่งของบริษัทนี้ 4.ตรวจสอบการดำเนินการของสถานติดตั้งตรวจและทดสอบรถที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่
ขณะที่ พล.ต.อ.ไตรรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กล่าวว่า กรณีประตูฉุกเฉินด้านท้ายรถสามารถใช้ได้หรือไม่นั้น จากการตรวจสอบหลังเกิดเหตุพบว่า ประตูฉุกเฉินด้านท้ายสามารถเปิดได้ซึ่งเป็นการตรวจสอบหลังเกิดเหตุ แต่ไม่ได้หมายความว่าขณะเกิดเหตุจะสามารถใช้การได้หรือไม่ ซึ่งต้องตรวจสอบต่อไป
พล.ต.อ.ไตรรรงค์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการวัดระยะพื้นถนน ส่วนตัวรถตรวจสอบแล้วและอยู่ระหว่างประชุมสรุปผล โดยเช้าวันนี้ได้ตรวจสอบอีกรอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นการจดทะเบียนรถ ประตู ประตูฉุกเฉิน และตรวจซ้ำถึงอุปกรณ์ภายในรถโดยเชิญ ปตท.เข้ามาร่วมตรวจสอบการติดตั้งแก๊ส NGV
ไม่พบ "ค้อนทุบกระจก"
รวมถึง จากการตรวจสอบเมื่อวาน (1 ต.ค.) และเช้าวันนี้ (2 ต.ค.) ไม่พบอุปกรณ์ "ค้อนทุบกระจก" ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ ต้องตรวจสอบกับกรมขนส่งฯ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ก่อนส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวน
ขณะที่ พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า การสอบสวนนายสมาน คนขับรถ ให้การว่ารถคันดังกล่าวได้เข้าตรวจสภาพมาโดยตลอด และอ้างว่าก่อนเดินทางวานนี้ (1 ต.ค.) ยังสามารถเปิดประตูฉุกเฉินได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องนำผลการตรวจสอบของ พฐ.และกรมขนส่งฯ มาประกอบคำให้การ
อ่านข่าว : ขีดเส้น 60 วัน "สุริยะ" สั่งสังคายนาระบบรถสาธารณะ