เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 อิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธ โดยมีเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วกรุงเทล อาวีฟ ควบคู่กับเสียงสัญญาณเตือนภัย เมื่อระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล หรือ ไอออน โดม ยิงสกัดขีปนาวุธที่ยิงมาจากอิหร่าน โดยอิสราเอลระบุว่าอิหร่านยิงขีปนาวุธมากกว่า 180 ลูก ซึ่งมีเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ ช่วยยิงสกัดขีปนาวุธของอิหร่านได้อีกหลายสิบลูก
ขณะที่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศว่า การโจมตีอิสราเอลของอิหร่านด้วยขีปนาวุธล้มเหลว เพราะระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลสกัดเอาไว้ได้ พร้อมเตือนว่าอิหร่านทำผิดพลาดครั้งใหญ่และจะต้องชดใช้
อิสราเอลสกัดกขีปนาวุธในกรุงเทลอาวีฟ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2024
ด้านสำนักข่าวของทางการอิหร่านเผยภาพการยิงขีปนาวุธ ซึ่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เพื่อตอบโต้อิสราเอลที่สังหารผู้นำกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุน รวมถึงการใช้กำลังโจมตีเลบานอนและกาซา
พร้อมระบุว่า อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธประมาณ 200 ลูกและใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "ฟัตตาห์" เป็นครั้งแรก โดยร้อยละ 90 ของขีปนาวุธที่ถูกยิงออกไปสามารถโจมตีเป้าหมายในอิสราเอลได้สำเร็จ
ประชาชนหลบภัยใต้สะพานริมทางหลวงระหว่างเมือง Kafr Qara และ Baqa al-Gharbiya ทางตอนเหนือของอิสราเอล
"อิหร่าน" ขู่ยกระดับการโจมตีหากอิสราเอลตอบโต้
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่าน เตือนว่า หากอิสราเอลโต้กลับและโจมตีดินแดนของอิหร่าน อิสราเอลจะต้องเผชิญกับการโจมตีอีกหลายครั้งและรุนแรงมากขึ้น โดยอิหร่านจะเอาคืนด้วยการโจมตีสาธารณูปโภคทั่วทั้งประเทศอิสราเอล
ความรุนแรงรอบใหม่ที่ปะทุขึ้นมา ส่งผลให้ชาวอิหร่านในกรุงเตหะรานพากันนำรถยนต์ไปต่อคิวเพื่อเติมน้ำมัน เนื่องจากเกรงว่าหากสถานการณ์ลุกลามไปมากกว่านี้อาจจะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิง
สหรัฐฯ ประกาศหนุนหลังอิสราเอลเต็มที่
หลังเกิดการโจมตี "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ย้ำจุดยืนหนุนหลังอิสราเอลอย่างเต็มขั้น สั่งการให้ทางการสหรัฐฯ เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว รวมถึงเตรียมทรัพยากรต่างๆ เพื่อรับมือสถานการณ์ในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่ชัดเจนว่าอิหร่านจะเผชิญการโต้ตอบในรูปแบบใด
ด้านคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ออกมาย้ำถึงจุดยืนเคียงข้างอิสราเอลเช่นกัน โดยระบุว่า สนับสนุนการสั่งการของไบเดนให้กองทัพสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ช่วยอิสราเอลยิงสกัดขีปนาวุธเหล่านี้ พร้อมประณามการโจมตีของอิหร่าน
คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวย้ำถึงจุดยืนเคียงข้างอิสราเอล
นายกฯ สั่งเตรียมพร้อมอพยพคนไทย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงคนไทยในอิสราเอลจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ และเพื่อหลีกเลี่ยงจากผลกระทบเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ให้กระทรวงต่างประเทศและสถานทูตของไทยที่อยู่ใกล้ที่สุดให้ข้อมูลกับคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
หากพบว่าอยู่ในระดับที่เสี่ยงเกินไป ให้รีบแจ้งคนไทยให้ออกจากพื้นที่ทันที พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ความช่วยเหลือ
ก่อนหน้านี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ออกประกาศเตือนว่าเมื่อช่วงกลางคืนของวันที่ 30 ก.ย.2567 กองทัพอิสราเอลประกาศให้พื้นที่เมืองเมตูลา, มิซกาฟ อัม และคฟาร์ กิลอาดี บริเวณทางตอนเหนือของอิสราเอล ติดพื้นที่ชายแดนเลบานอน ให้เป็นเขตปิดทางทหาร โดยเป็นเขตห้ามทำงานและอาศัย พร้อมแจ้งว่าหากมีคนไทยยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวขอให้ย้ายออกจากพื้นที่ทันที
สำหรับคนไทยสามารถขอรับความช่วยเหลือเพื่อย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าว ได้ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หรือติดต่อได้ตามช่องทาง หมายเลขโทรศัพท์ ฝ่ายกงสุล +972 546368150, +972 503673195 ฝ่ายแรงงาน + 972 9-954-8431, +972 54-469-3476 และไอดีไลน์ 0544693476
อ่านข่าว
ย้ายออกทันที ! แจ้งคนไทยในอิสราเอล ย้ายออก 3 เมืองติดชายแดนเลบานอน