วันนี้ (1 ต.ค.2567) แพทย์โรงพยาบาลแพทย์รังสิต แถลงอาการบาดเจ็บของเด็กนักเรียนที่ประสบอุบัติเหตุรถบัสไฟไหม้ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน
นพ.อโนชา ตาคำ แพทย์ศัลยกรรมประจำโรงพยาบาล เปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้รับตัวผู้บาดเจ็บทั้งหมด 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด ทุกคนรู้สึกตัว พูดคุยได้ดี จัดเป็นผู้ป่วยอาการสีแดง มีแผลไฟไหม้ระดับ 2 ต้องระวังการถูกน้ำ
ในจำนวนนี้มีอาการบาดเจ็บสาหัส 2 คน คนแรกอายุ 7 ปี มีรอยไหม้บนใบหน้า กระจกตา ช่องปาก มือขวา มีอาการหายใจติดขัด ต้องใส่ท่อช่วยหายใจและรักษาตัวในห้องไอซียู ซึ่งมีความเสี่ยงว่าอาจตาบอด ต้องติดตามอาการรายวันอย่างใกล้ชิด ขณะนี้ครอบครัวของเด็กติดต่อเข้ามาหาโรงพยาบาลแล้ว
อ่านข่าว : ด่วน! ไฟไหม้รถบัสนักเรียนนำเที่ยวเจ็บ-ตายนับ 10 คน
ส่วนอีกคนอายุ 9 ปี มีรอยไหม้คล้ายกัน แต่อาการไม่รุนแรงเท่า พิจารณาว่าอาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ขณะที่คนสุดท้ายอายุ 14 ปี ถูกไฟลวกได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ขณะที่ นพ.ธีรนันท์ มิตรภานนท์ ผอ.โรงพยาบาลแพทย์รังสิต กล่าวว่า ที่สำคัญคือมาตรการดูแลเยียวยาทางจิตใจหลังประสบเหตุที่อาจส่งผลกระทบกับความรู้สึก พร้อมดูแลอาการบาดเจ็บด้วยการให้ยาควบคู่กันด้วย พร้อมยืนยันว่าว่าโรงพยาบาลมีความสามารถในการรักษา แต่หากมีความจำเป็นต้องย้ายไปรักษาตัวที่อื่น จะประสานงานภายหลัง
นักวิชาการจี้ภาครัฐทบทวนวัสดุไวไฟบนรถบัส
ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ระบุถึงเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาเกิดไฟไหม้และมีนักเรียนและครูเสียชีวิตมากกว่า 10 คน ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของไฟไหม้ที่แน่ชัด แต่มองว่าบนรถมีวัสดุติดไฟง่ายจำนวนมาก เช่น เบาะรถ ผ้าม่าน
ตามมาตรฐานความปลอดภัย บนรถบัสจะต้องมีอุปกรณ์ถังดับเพลิง หรือค้อนทุบกระจก รวมทั้งครูหรือพี่เลี้ยงจะต้องทราบวิธีการใช้งาน และมองว่าการวางแผนการเตรียมความพร้อมเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องมีการซ้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น
สำหรับกายภาพของรถคันเกิดเหตุ พบว่า ประตูทางออกมีจำกัดและรถมีลักษณะเป็นทรงสูง มีประตูฉุกเฉินอยู่บริเวณด้านท้ายของรถและมีความสูง ซึ่งไม่ได้ถูกเปิดออกมาจากที่เกิดเหตุไฟที่ลุกจากด้านหน้าของรถ ยังพบข้อจำกัดในการอพยพออกจากด้านหน้าที่เหลือทางออกเพียงทางเดียว คือบริเวณประตูตรงกลาง กรณีนี้มองว่าหากประตูฉุกเฉินไม่สูงก็สามารถอพยพได้
โดยมาตรฐาน มีประตูหน้า ประตูกลางและประตูฉุกเฉินอีก 1 บาน หากเป็นรถในต่างประเทศจะสามารถเปิดหลังคาได้อีก ส่วนกรณีนี้ตั้งคำถามว่าทำไมไม่ใช้ถังดับเพลิง โดยมาตรฐานต้องมีอุปกรณ์และต้องทราบวิธีการใช้งาน รวมทั้งควรมีการถอดบทเรียนกรณีวัสดุบนรถบัสที่ติดไฟง่าย อาจจะต้องทบทวนหลักเกณฑ์ของวัสดุไม่ให้ติดไฟ
นพ.ธนะพงศ์ ยังสะท้อนถึงกรณีการพาเด็กไปทัศนศึกษาข้ามจังหวัดแบบไปเช้าเย็นกลับหรือไปในลักษณะพักค้างคืน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการอาจจะต้องทบทวน มีการวางหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเมื่อพาเด็กเล็กไปทัศนศึกษา และต้องมีมาตรการความปลอดภัยระหว่างการเดินทางในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
อ่านข่าว
รถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้เสียชีวิต 25 คน-เจ็บ 8 คน