ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เปิดรายชื่อนวนิยาย 8 เล่ม ชิงรางวัลซีไรต์ 2567

Logo Thai PBS
เปิดรายชื่อนวนิยาย 8 เล่ม ชิงรางวัลซีไรต์ 2567
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ประกาศผลรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมเยี่ยมแห่งอาเซียน ประจำปี 2567 หนังสือนวนิยายรอบคัดเลือก (short list) จำนวน 8 เรื่อง

วันนี้ (30 ก.ย.2567) คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมเยี่ยมแห่งอาเซียน ประจำปี 2567 ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือที่ส่งประกวดจำนวน 69 เรื่องแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์เสนอหนังสือนวนิยายรอบคัดเลือก (short list) จำนวน 8 เรื่อง ดังรายชื่อของหนังสือเรียงตามลำตับตัวอักษรต่อไปนี้ เพื่อให้คณะกรรมการตัดสินฯ พิจารณาในรอบต่อไป

กี่บาด

ผู้ประพันธ์ : ประเสริฐศักดิ์ ปัดมะริด
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์คมบาง

กี่บาด เล่าเรื่องราวของช่างทอผ้า “แม่ญิง” ล้านนา 3 รุ่นที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับการทอผ้าซิ่นตีนจกซึ่ง เป็นศิลปะการทอผ้าพื้นเมืองของล้านนา เส้นสายลวดลายบนผืนผ้าเปรียบเสมือนกับเรื่องราวชีวิตที่มีบาดแผลและความทรงจำอันเจ็บปวดของตัวละคร กี่บาดซึ่งเป็นชื่อนวนิยายเป็นสัญลักษณ์เปรียบได้กับแผลเป็นที่ย้ำเตือนประสบการณ์อันเลวร้ายในชีวิต เป็นการเชื่อมโยงเรื่องราวการทอผ้ากับเรื่องราวชีวิตของตัวละครได้อย่างน่าติดตาม นอกจากนั้นผ้าซิ่นทอในเรื่องยังเป็นสัญลักษณ์ของการส่งต่อ “พลังความเป็นหญิง” ในครอบครัว 

เนื้อหาของนวนิยายแบ่งเป็นสามช่วงใหญ่ตามเรื่องราวของตัวละครหลัก เล่าด้วยสายตาของผู้รู้ผ่านมุมมองของตัวละครแต่ละรุ่น เริ่มตั้งแต่ส่วนของ “เอวซิ่น” เป็นเรื่องราวของ “แม่หม่อนเฮือนแก้ว” หญิงชราที่เป็นผู้รับและส่งต่อมรดกการทอผ้าจากบรรพบุรุษ ผู้พบกับความรักต้องห้ามในวัยสาวซึ่งต่อมาต้องเผชิญกับความรุนแรงในครอบครัวและเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลในใจตลอดชีวิต ตามด้วย “ตัวซิ่น” เป็นเรื่องราวของ “แม่อุ้ยนาค” ลูกสาวของหญิงชราที่ถูกมารดาชัง สุดท้าย “ตีนซิ่น” เป็นเรื่องของรุ่นหลานชาย “บ่าหงส์” ผู้เลือกวิถีชีวิตของตนเป็นหญิงขัดกับเพศกำเนิด และเป็นผู้สืบทอดมรดกการทอผ้าในครอบครัวซึ่งตามประเพณีวัฒนธรรมของล้านนาสงวนไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น

ผู้เขียนถักทอเรื่องราวประดุจดังการสอดประสานเส้นใยฝ้ายเป็นลวดลายบนผืนผ้า ผสมผสานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นเรื่องการทอผ้าเข้ากับเรื่องเล่าแนวบันเทิงคดีได้อย่างสอดคล้องและแนบเนียน นำเสนอฉากท้องเรื่องที่มีภูมิหลังทางสังคมและบรรยากาศทางวัฒนธรรมของล้านนาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

นอกจากนั้น ยังได้นำเสนอเรื่องราวการกดขี่สตรีเพศในครอบครัว รวมทั้งเรื่องเพศวิถีความเป็นชายและความเป็นหญิงกับการก้าวผ่านข้อห้ามทางประเพณีวัฒนธรรมที่สังคมกำหนดการเล่าเรื่องของนวนิยายเป็นไปอย่างเรียบง่าย งดงาม กระจ่างชัดด้วยการใช้ภาษาพรรณนาอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครอย่างน่าสะเทือนใจ สร้างความรู้สึกร่วมแก่ผู้อ่าน

คุณเคนต์และข้าพเจ้า Ms. Kent & Me 

ผู้ประพันธ์ : LADYS (ลาดิด)
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์แซลมอน

คุณเคนต์และข้าพเจ้า MS. Kent & Me เป็นนวนิยายสั้น เล่าเรื่องผ่านตัวละครที่เรียกตนเองว่าข้าพเจ้า กล่าวถึง คุณเคนต์และความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ตรงตามชื่อเรื่อง ดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่ายและงดงาม แต่ก็ซ่อนเงื่อนและคลายปมไปทีละเปลาะ สร้างพลังดึงดูดให้ผู้อ่านติดตามไปจนจบเล่ม 

ผู้ประพันธ์ได้สร้างสรรค์นวนิยายแนวขนบด้วยน้ำเสียงของคนรุ่นใหม่ ใช้ตัวละครที่ดูธรรมดา มีความคิดและการกระทำสมจริง แต่ในขณะเดียวกันก็แทรกความผิดแผกไปจากวิถีปกติ ราวกับอยู่ในโลกเหนือจริงเช่นเดียวกับสถานที่อันเป็นที่เกิดของเรื่องราว ซึ่งมีความงดงามราวภาพวาดแนวอิมเพรสชันนิสต์ มีทั้งภูเขาทะเล หาดทราย และกระท่อมสีขาวกลางสวนดอกไม้ริมหน้าผา แต่ก็ยังแอบซ่อนอันตรายและความท้าทายที่ตัวละครต้องเผชิญไว้ด้วย

ผู้เขียนยังมีความเด่นในเรื่องการใช้ภาษาที่ง่าย กระชับ หากสื่อแสดงความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของตัวละคร และบรรยากาศของสถานที่ต่าง ๆ ได้แจ่มชัด ทั้งยังสอดแทรกสัญลักษณ์ที่ตีความได้หลากหลายไว้อย่างแนบเนียน

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของนวนิยายเรื่องนี้ คือการก้าวข้ามกรอบความคิดความเชื่อเดิม ๆ เกี่ยวกับความรักและการอยู่ร่วมกันฉันคนรัก โดยยังดำรงความศรัทธาในคุณค่าของความรักและความใฝ่ฝันไว้ อย่างมั่นคง ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวที่ถักทอขึ้นอย่างประณีต นำพาผู้อ่านเข้าไปอยู่ในความเปลี่ยวเหงาของชายหาดร้างผู้คนและความโดดเดี่ยวของตัวละคร ลงลึกสู่ท้องทะเลความคิดความรู้สึกของ “คุณเคนต์และข้าพเจ้า” ทอดสายตาไปไกลจนถึงแนวที่ขอบฟ้าจรดทะเล เพื่อมองให้เห็น “ประภาคาร” ที่คล้ายมี คล้ายไม่มีพร้อมกับคิดว่า หรือมันอาจแอบซ่อนอยู่ในจิตใจของเราทุกคน

แชมเปญจ์น ซูเปอร์โนวา และการฆ่าตัวตายครั้งสุดท้ายของชาลี

ผู้ประพันธ์ : พิชา รัตนานคร
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์จงสว่าง

แชมเปญจ์น ซูเปอร์โนวา และการฆ่าตัวตายครั้งสุดท้ายของชาลีเล่าเรื่องชีวิตจืดชืดของ ชาลี คนธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตประจำวันเป็นดังเครื่องจักร ที่ทำซ้ำ ๆ ไร้ความหมาย หาคุณค่าในตนเองไม่เจอ เป็นมนุษย์หลังห้อง ขี้แพ้ ไม่มีใครมองเห็นตั้งแต่วัยเด็กจนสู่วัยทำงาน ไม่อาจต่อสู้แย่งชิงของที่ตนต้องการ

ผู้เขียนสะท้อนชีวิตผู้คนมากมายในสังคมที่อยู่อย่างไร้คุณค่า ไร้จุดหมาย ไร้เพื่อน เบื่อ เหงา เจ็บป่วยดังเนื้อเพลงตอนหนึ่งของ แชมเปญจ์น ซูเปอร์โนวา "คนมากมายเท่าใดกันที่กำลังใช้ชีวิตในแบบของพวกเขา"เป็นชีวิตที่น่าสะเทือนใจที่การอยู่หรือตายก็ไม่ต่างกัน

เป็นนวนิยายที่ใช้สัญลักษณ์เล่าเรื่องเหนือจริง สร้างความประหลาดใจ เรียกร้องการตีความ สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันที่ดูเหมือนการตายก็ไม่อาจทำให้ใครสนใจ เข้าใจ หรือเห็นใจตัวประกอบของสังคมอย่างชาลีและ...คนอื่น ๆ

แมลงสาบในเมืองสลด 

ผู้ประพันธ์ : อ้อมแก้ว กัลยาณพงศ์
ผู้จัดพิมพ์ : อ้อมแก้ว กัลยาณพงศ์

แมลงสาบในเมืองสลด นวนิยายขนาดสั้น เล่าเรื่องในลักษณะเรื่องเหมือนจริงและเหนือจริง ผ่านตัวละครของคนสองรุ่น คือรุ่นหนุ่มสาวในสังคมสมัยใหม่ กับคนรุ่นพ่อแม่ในสังคมสมัยเก่า โดยนักเขียนสร้างตัวละคร “แม่” ให้อยู่กับความป่วยไข้บนรถเข็น คล้ายจะอยู่อย่างอ้างว้าง โดดเดี่ยว ทว่ามีความสุขทุกครั้ง เมื่อหวนนึกถึงสามีผู้ล่วงลับที่เคยชี้ชวนกันดูผีเสื้อโบยบิน ขณะที่ลูกชายของแม่ ตัวละครเด่นของเรื่อง เป็นคนหนุ่มผู้แปลกแยก ชอบเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ กับบาดแผลและความพ่ายแพ้ ผิดพลาดทั้งการงานและความรัก จมอยู่ในห้วงทุกข์ ไม่รู้จบสิ้น แต่ยามที่พอจะพบกับความสุขบ้าง เขาก็จะกลายร่างเป็นแมลงสาบ หดตัวลงเล็กลีบแบนราบไปกับพื้น นี่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นกับเขา ซึ่งถ้าไปเล่าให้ใครฟังก็ยากที่จะเชื่อว่าเป็นจริง

ทำไมและเพราะอะไร เขาถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น คงมากกว่าต้นสายปลายเหตุของความแปลกแยกในระดับพื้น ๆ ความน่าสนใจของนวนิยายเรื่องนี้ จึงอยู่ที่กลวิธีและวรรณศิลป์ของนักเขียนที่ใช้เล่าเรื่อง สลับเปลี่ยนมุมมอง บรรยายให้ภาพเหนือจริงอย่างสมจริง ล้วงลึกลงก้นบึ้งของตัวละครนำออกมาตีแผ่ ชวนให้ผู้อ่านฉุกคิด ตั้งคำถาม หรือตีความเปรียบเทียบ “เมืองสลด” กับ “คน” และ “แมลงสาบ” ที่วิวัฒนาการอยู่รอดมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ และ “ผีเสื้อ” ของคนรุ่นพ่อแม่ ที่ยังมีชีวิตทันได้เห็นสังคมของคนยุคใหม

แมลงอายุสั้นที่เราไม่รู้จัก

ผู้ประพันธ์ : กล้า สมุทวณิช
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์คมบาง

แมลงอายุสั้นที่เราไม่รู้จัก เล่าเรื่องการปรับตัวของหนุ่มสาวชนชั้นกลางที่ใช้ชีวิตแบบสุขนิยมท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างโกลาหล และความผิดเพี้ยนของสภาพการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และระบบนิเวศในปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้ตัวละครเกิดความแปลกแยก โดดเดี่ยว ไร้ความสุข โหยหาความรักตลอดเวลาตัวละครมักใช้ชีวิตแบบปัจเจกนิยม พึ่งตนเอง ขาดความผูกพันทางสังคม หลีกหนีโลกของความจริงไปสู่โลกจินตนาการ

ผู้เขียนเลือกแนวสมจริง เขียนเรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่าหลากวิธีทั้งนวนิยายขนาดสั้น เรื่องสั้น นวนิยายคอลลาจและภาพประกอบ สร้างสีสันด้วยฉากและสถานที่จริง เลือกใช้สัญญะ บทเพลง หนังสือ และบทสวดมนต์ ขับเน้นให้สัมผัสความรู้สึกลึกล้ำของตัวละคร นอกจากนั้นยังใช้วิธีการเล่าเรื่องคู่ขนานสลับฉาก 2 เหตุการณ์ไปพร้อม ๆ กัน ยั่วล้อให้ผู้อ่านติดตาม และตั้งคำถามถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า 

ล้านนาฮาเร็ม

ผู้ประพันธ์ : สาคร พูลสุข
ผู้จัดพิมพ์ : ผจญภัยสำนักพิมพ์

ล้านนาฮาเร็ม เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของลาวเหนือหรือเมืองเชียงใหม่ในยุคล่าอาณานิคมของชาวตะวันตกในสมัยรัชกาลที่ 4 - 5 สะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในการแย่งชิงอำนาจเพื่อครอบครองและฉกฉวยผลประโยชน์ทางการค้าในดินแดนลุ่มแม่น้ำปิง ฉายภาพให้เห็นถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชีวิต และคติชนวิทยาของยุคสมัยดั้งเดิม จากสังคมเกษตรกรรมสู่ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ สื่อสารถึงพลวัตทางสังคมปรัชญา และวิถีชีวิตของท้องถิ่นภาคเหนือ ท่ามกลางวิกฤติการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ผู้เขียนยังเล่าเรื่องผ่านตัวละครต่างชาติต่างภาษา และเจ้านายสตรีล้านนาด้วยมุมมองของคนนอกร้อยเรียงสหบทจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และตำนานคำบอกเล่าที่กระจัดกระจายหลอมรวมเป็นเอกลักษณ์อันงดงาม ใช้กลวิธีแนวสมจริงอย่างประณีต เด่นในการใช้สำนวนโวหารอุปลักษณ์ด้วยน้ำเสียงและมุมมองที่แตกต่างจากเดิม สะท้อนความเป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีทั้งกิเลส ตัณหา และความโลภ ซ้อนทับกับการรุกรานขยายอำนาจของส่วนกลางและเพื่อนบ้าน ก่อให้เกิดการตระหนักในคุณค่า และความทรงจำศึกษาของเมืองเชียงใหม่ในห้วงอดีต

ห้องเรณู

ผู้ประพันธ์ : วิภาส ศรีทอง
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์สมมติ

ห้องเรณูเล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่โรคระบาดได้แพร่เข้าไปยังพื้นที่บ้าน ส่งผลต่อวิถีชีวิตและความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว ผู้เขียนนำเสนอให้ตระหนักว่า โรคระบาดเป็นประสบการณ์แห่งความสูญเสีย เจ็บปวด มีผลกระทบไม่เพียงต่อร่างกาย หากต่อจิตใจและตัวตนด้วย ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยกกับพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ นวนิยายตั้งคำถามกับความหมายของชีวิตและบ้านอันเป็นพื้นที่ที่เรามักรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและคุ้นเคยว่ายังเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่

การพรรณนาฉากบ้านมีความโดดเด่น และสื่อให้เห็นผลกระทบจากโรคระบาดอย่างน่าสนใจด้วยชั้นเชิงทางวรรณศิลป์โดยนำเสนอให้เห็นความแปลกแยกของตัวละครกับพื้นที่บ้าน ผ่านการพรรณนาให้ดูอึมครึมเก่าแก่ แตกร้าว มีกลิ่นอับชื้นที่ไม่สามารถขจัดออกไปได้ เปรียบเทียบบ้านว่ามีอายุขัย เสื่อมสภาพ และป่วยไข้ได้ไม่ต่างจากมนุษย์ สมาชิกในบ้านอยู่ไม่ได้ ออกไม่ได้ ชวนให้รู้สึกแปลกประหลาด อิหลักอิเหลื่อ เช่นเดียวกับห้องของเด็กชายลูกเจ้าของบ้านที่มีจุลชีพเติบโตฝังรากละอองเรณูฟุ้งแพร่ลามไปทั่ว ประหนึ่งเป็นภัยคุกคามเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว และยากจะขุดถอนกำจัดออกไปได้ง่ายเช่นเดียวกับโรคระบาด ความอยู่รอดของจุลชีพเหล่านี้ยังกระตุ้นเตือนให้เราตระหนักด้วยว่า มนุษย์เป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็ก ๆ ของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

ผู้เขียนนำเสนอประสบการณ์บาดแผลจากโรคระบาดได้อย่างบาดลึก ด้วยโวหารที่พาผู้อ่านดำดิ่งสู่โลกของความเจ็บป่วย โดดเดี่ยว หวาดกลัว และเนิบช้า ทำให้เห็นความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งเปราะบางและแข็งแกร่งในชั่วขณะที่อ่อนแอที่สุดนั้น ยังสามารถปรับตัวและปรับเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์รอบข้างเพื่อเยียวยารักษาจิตใจและตัวตน

อันกามการุณย์ Non fa niente

ผู้ประพันธ์ : ลาดิด
ผู้จัดพิมพ์ : ลาดิดและมูนสเคป

อันกามการุณย์ Non fa niente เป็นนวนิยายที่นำเสนอเสียงของผู้มีวิถีทางเพศที่แตกต่างจากขนบสังคม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องราวของการแสวงหาตัวตน หรือการต่อสู้เพื่อเปิดเผยรสนิยมทางเพศอย่างที่มักได้อ่านกันเพราะในเรื่องนี้ ตัวละครหลักของเรื่องนั้นแน่ใจในตนเอง และไม่ได้หวั่นเกรงที่จะเผยตัวตนให้ครอบครัวและสามีรู้

แต่ปมสำคัญที่จะดูจะรบกวนจิตใจตัวละครเป็นพิเศษ ก็คือการใช้ชีวิตเด็ดเดี่ยวตามความต้องการของตัวละครนั้น ไม่ง่ายนักที่จะสามารถจะดำรงอยู่อย่างสอดคล้องกับบทบาททางสังคมของความเป็นแม่ อันเป็นบทบาทที่ตัวละครโอบรับและให้ความสำคัญอย่างมาก

ปมใหญ่ปมนี้ถูกเน้นย้ำอย่างหนักหน่วงผ่านมุมมองของผู้เล่าเรื่องที่ใช้สรรพนามว่าแม่ ผู้รวบรวมความกล้าสารภาพความจริงกับลูก ผ่านเรื่องราวการเดินทางของตัวตนทางเพศที่ฉีกทำลายสายใยทางสังคมรอบตัวไปทีละอย่าง ฝากรอยแผลไว้ในภาษา คำ และการเรียบเรียงที่เน้นผัสสะเชื่อมโยงสิ่งของกับร่างกายและความคิดความรู้สึกไปตลอดทั้งเรื่อง

วิธีการนำเสนอเรื่องเช่นนี้ทำให้เห็นบทบาทของวรรณกรรมในการเผยให้เห็นความอ่อนไหวของมนุษย์ในบริบทของการเคลื่อนไหวเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ที่ไม่อาจตัดขาดร่างกายที่เปี่ยมเลือดเนื้อสัญชาตญาณ และอารมณ์ความรู้สึก ออกจากชีวิต อุดมการณ์และสังคมได้

อ่านข่าว : 

"คืนสุดท้ายของนักสร้างสารคดี" เรื่องสั้นชนะเลิศ รางวัลพานแว่นฟ้า 2567

ทธ.จัดทำหนังสือ "ซากดึกดำบรรพ์ขึ้นทะเบียนสมบัติชาติ" เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง