ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

พาณิชย์ จับมือ ทูตจีน เดินหน้ายกระดับร่วมมือทางการค้า-ลงทุน

เศรษฐกิจ
26 ก.ย. 67
18:23
360
Logo Thai PBS
พาณิชย์ จับมือ ทูตจีน เดินหน้ายกระดับร่วมมือทางการค้า-ลงทุน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รมว.พาณิชย์ จับมือทูตจีน พลิกวิกฤติเป็นโอกาส เดินหน้ายกระดับความร่วมมือทางการค้า การลงทุน "พิชัย" ระบุ อย่ามองจีนเป็นผู้ร้ายแต่ขอให้มองเรื่องโอกาส การค้า และการลงทุน ด้านทูตจีน ยัน TEMU พร้อมจดทะเบียนตั้งบริษัทในไทย

วันนี้ (26 ก.ย.2567) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ แถลงภายหลัง การประชุมหารือแนวทางการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ไทย-จีน ร่วมกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยและคณะ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนของ 2 ประเทศ

โดยนายพิชัย เปิดเผยว่าที่ผ่านมาได้ชี้แจงมาตลอดว่า ไม่ต้องการให้รู้สึกว่าจีนเป็นผู้ร้าย จึงได้ติดต่อเพื่อหารือกับสถานทูตจีนถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งไทยและจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด ขณะที่ในอนาคต เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวอีกมาก และจะแซงสหรัฐอเมริกาได้แน่นอน

ขณะที่วันนี้เป็นหารือการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น ขอให้ลดการขาดดุล ซึ่งที่ผ่านมาไทยขาดดุลค่อนข้างมาก โดยทางจีนรับปากว่าจะรับซื้อสินค้าจากไทยมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าทุนที่นำไปผลิตต่อหรือเป็นสินค้าขั้นกลางที่ผลิตและส่งออก

รวมถึงต้องการให้จีนลงทุนในพื้นที่อีอีซีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะนำไปสู่การผลิตชิพ จนถึงสินค้าขั้นปลาย เช่น อีวี ดาต้าเซนเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาจีนมีการขยายมายังไทยมาก และมีการจ้างงานไทยแรงงานไทยในอัตราสูง บางแห่งให้แรงงานเดือนละสี่หมื่น วิศวกรเดือนละหลานแสนบาท รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยี ต้องการเห็นการพัฒนาของคนไทย

นอกจากนี้ ยังต้องการให้ผลักดันสินค้าไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน รวมถึงสินค้าเกษตรหากของไทยออกมามากอยากให้ช่วยรับซื้อ โดยเฉพาะทุเรียน ส่วนภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาไทยจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าช่วงปลายปีจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมายังไทยประมาณ 8 ล้านคน

"เรามีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยจีน อะไรก็ตามที่เราอยากให้เค้าช่วยอะไร เขายินดีร่วมมือ จีนเป็นประเทศมหาอำนาจแล้วเขาเองเขาไม่ได้ต้องการจะมาเอาเปรียบใครนะผมยืนยัน เขาต้องการให้มากกว่าถ้าเรามีช่องทางที่ดี ขอเขาบอกเขาดีๆเนี่ย ผมเชื่อว่าเขายินดีให้ความร่วมมืออยากให้คนไทยมีความรู้สึกที่ดีนะครับ แต่จริงๆ แล้วเราก็คงต้องมีความรู้สึกที่ดีทุกประเทศที่เข้ามาและเราก็จะมีมาตรฐานการตรวจสอบในเรื่องต่างๆ บอกว่าสินค้าที่เข้ามาก็จะต้องใช้บังคับกับทุกประเทศไม่ใช่อย่างเดียว"

ด้านนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ได้คุยถึงความร่วมมือในการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน เพื่อสร้างประโยชน์ในการพัฒนาการค้าทั้งสองประเทศ เพื่อช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้น ซึ่งจีน-ไทย เป็นเพื่อนบ้านและหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน โดยจีนเป็นประเทศที่มีพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก มีความยินดีที่จะแบ่งปันการพัฒนาและสร้างประโยชน์ให้กับไทย และจีนเป็นหุ้นส่วนการค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยและนำเข้าสินค้าเกษตรจากตลาดไทยมากที่สุดถึงร้อยละ 40

ขณะที่หลายปีที่ผ่านมาหลายบริษัทของจีนขยายตัว บริษัทจีนที่มาลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนในอุตสาหกรรมที่ทันสมัย โดยเฉพาะกลุ่ม ดิจิทัล อีวี เศรษฐกิจสีเขียว และสร้างรายได้เพิ่มโดยเฉพาะการจ้างงาน

นอกจากนี้ ในปี 2567 คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยกว่า 8,000,000 คน และคาดว่า จะสร้างรายได้การท่องเที่ยวให้กับไทย 3.5 แสนล้านบาท

พร้อมย้ำว่า รัฐบาลจีน พร้อมสนับสนุนนโยบายต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งที่ผ่านมา ไทยต้องการให้จีนเปิดเส้นทางการขนส่งผลไม้จากไทยไปจีนโดยตรง จีนก็มีความยินดีและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่

ส่วนความร่วมมือการค้าการลงทุน รัฐบาลจีนสนับสนุนมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ในการส่งเสริมการส่งออก ปัจจุบันจีนได้เพิ่มเส้นทางขนส่งทางแม่น้ำโขง ซึ่งจีนให้ความสำคัญ ใช้เวลา 10 เดือน สร้างพื้นที่นำเข้าผลไม้ เช่น ท่าเรือกวนไหล ประเทศจีน เพื่อให้ไทยส่งออกได้โดยตรง รวมถึงจะเสนอให้ใช้แพลตฟอร์มในการจำหน่ายสินค้าและยินดีอำนวยความสะดวกให้

“มีสื่อไทยในอินเทอร์เน็ต มีการนำเสนอข่าวทางลบในการทำธุรกิจของจีนจำนวนมาก มีสื่อตีข่าวพูดถึงปัญหาสินค้าจีน ไม่มีมาตรฐานใบอนุญาต และสินค้าเอสเอ็มอีได้รับแรงกดดัน ยืนยันว่า ฝ่ายจีนและไทยให้ความสำคัญ พยายามหาวิธีที่เหมาะสม หามาตรการจัดการ แต่มีการเสนอข่าว ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง”

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวต่อว่า สินค้าที่จีนที่ส่งมาไทยส่วนใหญ่เป็นสินค้าทุนร้อยละ 80 ใช้ในการส่งออก ซึ่งไทยต้องการนำไปผลิตและพัฒนา ส่วนกรณีที่กลุ่ม SMEs มีปฏิกิริยารุนแรง และมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าสินค้าจีนไม่ได้มาตรฐาน ยืนยันว่า ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาหาร ยา ซึ่งเป็นเพียงร้อยละ 10 ของสินค้าทั้งหมดที่จีนส่งมา

สำหรับเรื่อง แอปพลิเคชัน TEMU (เทมู) บริษัทฯ นี้เคารพกฎระเบียบต่างๆ ของไทย และกำลังประสานงานกับไทย ระหว่างนี้ อยู่ระหว่างการขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในไทยอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกัน พร้อมทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานของไทยในการดูแลควบคุมสินค้าจีนให้เป็นไปตามมาตรฐานของไทย

อ่านข่าว :

"ทองคำ" ของถูกไม่มีอยู่จริง ไม่ดรามา ตั้งสติ "คิด" ก่อนควักจ่าย

ลดเงินสมทบประกันสังคมเหลือ 3% นายจ้าง-ลูกจ้างพื้นที่น้ำท่วม

"คลัง" สรุปผลแจกเงิน 10,000 วันแรกโอนไม่สำเร็จ 49,383 คน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง