- อัปเดตครึ่งปีหลัง! ปฏิทินวันจ่ายเงินเดือน ขรก. เงินบำนาญ เงินเดือนทหาร ออกวันไหน?
- เปิดอัตราเงินเดือนข้าราชการใหม่ ปี 2567 หลัง ครม.เคาะปรับขึ้น 10%
การวางแผนการเงินก่อนเกษียณ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ ที่ข้าราชการต้องวางแผนก่อนการเกษียณเพื่อให้มั่นใจว่า จะมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณโดยไม่เป็นภาระให้กับคนรอบข้างและสังคม โดยเริ่มจากการตรวจสอบสิทธิประโยชน์ว่าเมื่อเกษียณอายุแล้ว จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง เช่น เงินบำนาญ, เงินสะสมจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), สิทธิในการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
จากนั้นบริหารจัดการหนี้สิน หากเป็นไปได้ข้าราชการควรปลดหนี้สินให้เสร็จสิ้นก่อนเกษียณ เช่น หนี้บ้าน หนี้สินส่วนตัว และจัดทำแผนรายรับรายจ่าย เช่น ค่าครองชีพ, ค่ารักษาพยาบาล, และค่าใช้จ่ายประอื่น ๆ และประเมินรายได้ที่จะได้รับ เช่น เงินบำนาญ, เงินจากการลงทุน, หรือรายได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ
รู้จัก กบข.
กบข. หรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (Government Pension Fund: GPF) เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งสะสมเงินเพื่อการเกษียณอายุสำหรับข้าราชการ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยให้ข้าราชการมีเงินออมเพียงพอสำหรับการเกษียณอายุ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ข้าราชการมีการออมเพิ่มขึ้น และเป็นการจัดการเงินออมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการลงทุนมากที่สุด
ข้าราชการ 14 ประเภทที่สามารถเป็นสมาชิก กบข.
- ข้าราชการพลเรือน
- ข้าราชการตุลาการ
- ข้าราชการอัยการ
- ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
- ข้าราชการรัฐสภาสามัญ
- ข้าราชการตำรวจ
- ข้าราชการทหาร
- ข้าราชการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
- ข้าราชการศาลปกครอง
- ข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
- ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
- ข้าราชการในพระองค์
- ข้าราชการซึ่งโอนไปเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น
- ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาและพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ
ทั้งนี้ ข้าราชการที่รับราชการอยู่ก่อนวันที่ 27 มี.ค.2540 (พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 มีผลใช้บังคับ) จะเป็นสมาชิก กบข. หรือไม่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แต่ข้าราชการที่เข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.2540 ทุกคนต้องเป็นสมาชิก กบข.
ดังนั้น สมาชิก กบข. ทุกคนเป็นข้าราชการ
แต่ข้าราชการทุกคนไม่ใช่สมาชิก กบข.
ใครได้รับเงินบำเหน็จบำนาญปกติบ้าง ?
เมื่อข้าราชการเกษียณอายุราชการ ผลประโยชน์อันพึงได้แยกเป็น 2 ประเภท คือ
- ผู้เป็นสมาชิก กบข.
- ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก กบข.
โดยที่ทั้ง 2 ประเภท จะสามารถเลือกรับเงินเป็นบำเหน็จหรือเงินบำนาญได้นั้น ให้ดูจากอายุรับราชการและเหตุที่ออกจากราชการ เช่น
กรณีลาออกจากราชการ : หากมีเวลาราชการตั้งแต่ 25 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปสามารถเลือกรับเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญก็ได้ แต่หากมีเวลาราชการ 10-25 ปี จะได้รับเงินบำเหน็จเท่านั้น และสำหรับผู้ที่รับราชการไม่ถึง 10 ปี จะไม่ได้รับเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญ แต่อาจได้เงินสะสม, เงินสมทบ และผลประโยชน์ หากเป็นสมาชิก กบข.
กรณีออกจากราชการ ซึ่งได้แก่ ทุพพลภาพ, เกษียณอายุเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์, สูงอายุ (50 ปี), ทดแทน (ยุบ ยกเลิกตำแหน่ง ให้ออกโดยไม่มีความผิด ออกนอกระบบเกษียณก่อนกำหนด) : จะสามารถเลือกรับเงินบำนาญ หรือเงินบำเหน็จ เมื่อมีอายุราชการ 10 ปีขึ้นไป สำหรับผู้ที่มีเวลาราชการ 1-10 ปีจะได้รับเงินบำเหน็จ และ ผู้ที่รับราชการไม่ถึง 1 ปี ไม่ได้รับเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญ แต่อาจได้เงินสะสม, เงินสมทบ และผลประโยชน์ หากเป็นสมาชิก กบข.
สมาชิก กบข. จะได้รับเงิน 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 เงินบำเหน็จ หรือ บำนาญ (สิทธิในบำเหน็จหรือบำนาญเป็นเช่นเดิม คือขึ้นอยู่กับระยะเวลาการทำงาน) จากเงินงบประมาณ ซึ่งคำนวณจาก
บำเหน็จ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย x อายุราชการ (ปี)
บำนาญ = (เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย x อายุราชการ (ปี)) หารด้วย 50
ทั้งนี้ เงินจำนวนนี้ต้องไม่เกินร้อยละ 70 ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
ส่วนที่ 2 สมาชิกจะได้รับเงินก้อนจากกองทุนภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน นับแต่เกษียณอายุหรือลาออกจากราชการซึ่งเงินก้อนนี้จะประกอบ
- เงินสะสม หรือเงินออมของสมาชิกที่ถูกหักจากเงินเดือนทุกเดือน
- เงินสมทบ หรือรางวัลการออมที่รัฐให้
- เงินประเดิม และเงินชดเชย เป็นเงินที่รัฐให้กับสมาชิกเพื่อชดเชยสูตรบำนาญที่จะได้น้อยลง (ชดเชยเพื่อไม่ให้ผู้เป็นสมาชิก กบข. เสียเปรียบคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก) เงินนี้มีเงื่อนไขว่าจะจ่ายให้สมาชิกเมื่อสมาชิกสิ้นสุดสมาชิกภาพและเลือกรับบำนาญเท่านั้น หากสมาชิกที่เลือกรับบำเหน็จจะไม่ได้รับเงินประเดิมและเงินชดเชย เพราะไม่มีการเปลี่ยนสูตรบำเหน็จ
- ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการบริหารเงินดังกล่าว
ผู้ที่ไม่เป็นสมาชิก กบข.
เงินบำนาญ นำเงินเดือน ๆ สุดท้าย คูณอายุราชการ หารด้วย 50
เงินบำเหน็จ ให้นำเงินเดือน ๆ สุดท้าย คูณด้วยอายุราชการ โดยคำนวณได้เท่าไรก็จะได้รับไปทั้งหมด
สวัสดิการจากรัฐดูแลหลังวัยเกษียณ
สำหรับข้าราชการที่ออกจากราชการแล้วนั้น ไม่เฉพาะเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญเท่านั้นที่ได้รับหลังสิ้นสุดชีวิตราชการ แต่สวัสดิการ ความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่รัฐยังสนับสนุนให้นั้น สำหรับผู้ที่เลือกรับ "เงินบำนาญ" จะได้สิทธิ์ดังต่อไปนี้อีกด้วย
1.สิทธิรักษาพยาบาล ผู้รับเงินบำนาญมีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลของตนเองและบุคคลในครอบครัวที่ชอบด้วยกฎหมาย (บุตรไม่รวมบุตรบุญธรรม ได้สิทธิ 3 คน อายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ เรียงตามลำดับการเกิดก่อนหลัง คู่สมรสตามกฎหมาย บิดาและมารดา) "ค่าตรวจสุขภาพประจำปี" เบิกได้เฉพาะผู้มีสิทธิ ไม่รวมบุคคลในครอบครัว ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด และสิทธิรักษาพยาบาลจะสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าของสิทธิ์เสียชีวิต
2.เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร ผู้รับเงินบำนาญมีสิทธิ นำเงินบำรุงการศึกษาหรือเงินค่าเล่าเรียนของบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย มาเบิกกับทางราชการ
บุตร หมายถึง บุตรชอบด้วยกฎหมายอายุ 3-25 ปี แต่ไม่รวมบุตรบุญธรรม และบุตรซึ่งบิดามารดายกให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น และเป็นบุตรคนที่ 1-3 โดยนับเรียงลำดับการเกิดก่อนหลัง ไม่ว่าจะเป็นบุตรที่เกิดจากการสมรสครั้งใด และอยู่ในความปกครองของใคร
3.ยกเว้นเงินได้เสียภาษี 190,000 บาท ข้าราชการบำนาญที่มีอายุ 65 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้รับสิทธิยกเว้นเงินได้ ไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินทุกประเภทที่ได้รับรวมกัน ไม่เกิน 190,000 บาท ในปีภาษี
การเสียสิทธิ์รับเงินบำนาญ
ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2551 เป็นต้นไป ผู้รับเงินบำนาญจะเสียสิทธิ์รับเงินบำนาญหากกระทำ ดังนี้
- กระทำความผิดถึงต้องโทษจำคุก โดยคำพิพากษาโทษจำคุก
- เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต ตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย
กรณีข้าราชการบำนาญเสียชีวิต
สิทธิประโยชน์ที่ทายาทได้รับมี 5 ข้อ ดังนี้
- เงินบำเหน็จตกทอดให้ทายาท = (เงินบำนาญ + เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ชคบ.) (ถ้ามี)) x 30 เท่า - (บำเหน็จดำรงชีพที่รับไป) มอบให้แก่ทายาทตามกฎหมาย บิดา มารดา คู่สมรส บุตร หรือผู้แสดงเจตนาไว้
- เงินช่วยพิเศษ (ค่าทำศพ) = (เงินบำนาญ + เงิน ชคบ. (ถ้ามี)) x 3 เท่า มอบให้แก่
- ผู้ที่แสดงเจตนาไว้
- คู่สมรส
- บุตร
- บิดา มารดา (ตามลำดับที่ผู้รับเงินบำนาญได้ระบุไว้)
- ได้รับเงินช่วยค่าทำศพจากสหกรณ์กรมพัฒนาที่ดิน 40,000 บาท (กรณีเป็นสมาชิก) ข้อมูล ณ วันที่ 1 มิ.ย.2564
- ได้รับเงินฌาปนกิจสงเคราะห์กรมพัฒนาที่ดิน (กรณีเป็นสมาชิก)
- มีสิทธิขอพระราชทานเพลิงศพ ยกเว้นผู้เสียชีวิตฆ่าตัวตาย ไม่สามารถขอพระราชทานเพลิงศพ
ควรเลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญ ?
การเลือกว่าจะรับ "เงินบำเหน็จ" หรือ "เงินบำนาญ" หลังเกษียณหรือลาออกจากราชการนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินและความต้องการของแต่ละบุคคล เนื่องจากทั้ง 2 แบบมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน การพิจารณาว่าแบบใด "ดีกว่า" นั้น ควรพิจารณาตามเงื่อนไขชีวิตและแผนการใช้ชีวิตสิ้นสุดอาชีพข้าราชการ
ข้อดี-ข้อเสียของเงินบำเหน็จ
การได้รับเงินก้อนใหญ่ทันที ทำให้สามารถใช้เงินก้อนนั้นไปลงทุน, ปลดหนี้สิน, หรือวางแผนการใช้เงินในแบบที่ตนเองต้องการได้อย่างอิสระ แต่หากไม่มีการวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบหรือการลงทุนที่ดี อาจทำให้เงินหมดเร็วและขาดรายได้ในระยะยาว หรือหากไม่มีรายได้อื่นมาเสริม เงินก้อนใหญ่ที่ได้อาจหมดไปในระยะเวลาสั้น และอาจทำให้ขาดเงินใช้จ่ายในอนาคต
ข้อดี-ข้อเสียของเงินบำนาญ
เงินบำนาญให้ความมั่นคงทางการเงินหลังเกษียณ เนื่องจากจะมีรายได้เข้ามาทุกเดือนตลอดชีวิต ผู้รับไม่ต้องกังวลเรื่องการบริหารเงิน หากมีอายุยืนยาว การได้รับเงินบำนาญจะเป็นประโยชน์มาก เนื่องจากยังคงมีรายได้ทุกเดือนแม้ผ่านไปหลายปีหลังเกษียณ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนใหญ่สำหรับการลงทุนหรือจ่ายหนี้สิน การรับเงินบำนาญอาจไม่ตอบโจทย์ หรือหากเสียชีวิตเร็ว ไม่ว่าจะจากสุขภาพแย่ โรคภัยไข้เจ็บ หรือ อุบัติเหตุ เงินที่ได้อาจน้อยกว่าบำเหน็จ
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการตัดสินใจ
- ภาระหนี้สินและความต้องการเงินก้อน หากมีภาระหนี้สินหรือความต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ เช่น เพื่อปลดหนี้หรือเริ่มธุรกิจ การรับเงินบำเหน็จอาจเหมาะสมกว่า
- แผนการลงทุนและความสามารถในการจัดการเงิน หากมีแผนการลงทุนหรือการจัดการเงินอย่างชัดเจน การรับเงินบำเหน็จอาจช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมในอนาคต แต่หากไม่มั่นใจในการบริหารเงิน การรับเงินบำนาญที่มีรายได้ประจำทุกเดือนจะปลอดภัยกว่า
- สุขภาพและอายุขัยที่คาดหวัง หากคาดว่าจะมีอายุยืนยาว การรับเงินบำนาญอาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า แต่หากมีปัญหาสุขภาพ การรับเงินบำเหน็จอาจเหมาะสมกว่า
- ความมั่นคงทางการเงินของครอบครัว หากครอบครัวมีความมั่นคงทางการเงินและไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาเงินบำนาญ การรับเงินบำเหน็จอาจช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้เงิน
การตัดสินใจระหว่างการรับเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญควรพิจารณาตามสถานการณ์ทางการเงิน แผนการใช้ชีวิต และความต้องการส่วนบุคคล
อ่านข่าวอื่น :
164 ปางช้างตื่นตัวยื่นขอใบอนุญาตรับรองมาตรฐาน
แนะ 120 วันศึกษากม."สมรสเท่าเทียม" ชี้ผูกพันอาญา-แพ่ง
แห่กดเงินสด 10,000 บาท ต่อลมหายใจ ซ่อมบ้าน - จ่ายค่าเทอมลูก