เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2567 เปิดเวทีประชันวิสัยทัศน์ระหว่าง คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ สองคู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากเดโมแครตและรีพับลิกัน
แฮร์ริส เดินขึ้นเวทีและเดินตรงข้ามฝั่งเข้าไปหาทรัมป์ พร้อมแนะนำตัวและล่าวว่า Let's have a good debate ชวนให้โต้อภิปรายกันด้วยดี ตามธรรมเนียมของคนไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ซึ่งทรัมป์ตอบรับ Nice to see you (ยินดีที่ได้พบ) และ Have fun (ขอให้สนุก) ซึ่งการจับมือกันของทั้งคู่เป็นการจับมือบนเวทีดีเบตของคู่ชิงประธานาธิบดีครั้งแรกในรอบ 8 ปี
ช็อตเปิดเวทีประชันวิสัยทัศน์ หลายคนมองว่าแฮร์ริสทำได้ดีตั้งแต่ต้นและทำเอาทรัมป์ตั้งตัวไม่ติด แต่นั่นเป็นเพียงแค่เริ่มต้น เพราะทั้งคู่ยังฟาดฟันกันต่ออย่างเต็มอิ่ม 1 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งในประเด็นเศรษฐกิจ ปัญหาว่างงาน ผู้อพยพ สิทธิการยุติการตั้งครรภ์ ประเด็นร้อน ๆ ทั้งหมด ซึ่งภาพรวมหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าแฮร์ริสจี้จุดทรัมป์ให้หลุดได้ ส่วนทรัมป์ก็ตกหลุมพรางที่แฮร์ริสขุดไว้อย่างง่าย ๆ
แม้ว่าภาพรวมทั้งคู่จะไม่มีใครได้ลงลึกในเชิงนโยบาย แต่ผลสำรวจหลังดีเบตที่จัดทำโดย 3 สถาบัน นำมาเฉลี่ยกันชี้ว่า ชาวอเมริกันมองว่าแฮร์ริสชนะดีเบตครั้งนี้ โดยทำคะแนนเหนือทรัมป์ถึง 23 จุด เกือบจะเท่ากับที่ทรัมป์ทำคะแนนชนะไบเดนในการดีเบต เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
อ่านข่าว : จับตา! แฮร์ริส-ทรัมป์ พบกันครั้งแรกบนเวทีดีเบตเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024
ประเด็นแรกที่พิธีกรหยิบยกขึ้นมาถามคือ เรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งแฮร์ริสระบุว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันของโจ ไบเดน ต้องเข้ามาสะสางสิ่งที่ทรัมป์ทิ้งไว้ ทั้งปัญหาคนว่างงาน โรคระบาดและประชาธิปไตยที่ถูกบ่อนทำลาย ขณะที่ทรัมป์ตอบโต้ว่า แฮร์ริสไม่มีแผนเศรษฐกิจของตัวเอง พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับโปรเจคต์ 2025 ซึ่งเป็นข้อเสนอนโยบายที่จัดทำโดยสถาบันคลังสมองของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ประเด็นหลัก ๆ ที่แฮร์ริส ทำคะแนนได้ดีคือ การสนับสนุนสิทธิในการยุติตั้งครรภ์ ซึ่งหลายคนมองว่าเธอพูดถึงเรื่องนี้ได้อย่างจริงใจ เข้าอกเข้าใจและพูดด้วยอารมณ์ที่สื่อถึงความรู้สึกร่วมอย่างชัดเจน ในขณะที่ทรัมป์ไม่สามารถพูดถึงจุดยืนเรื่องการทำแท้งได้อย่างชัดเจน เพียงแต่บอกว่าเขาเห็นด้วยที่จะให้สิทธิในการทำแท้งกับผู้ที่ถูกข่มขืน ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับสายเลือดเดียวกันและแม่ที่มีปัญหาด้านสุขภาพเท่านั้น
นอกจากประเด็นต่าง ๆ ที่แลกหมัดกันบนเวทีแบบที่หลายฝ่ายมองว่าทรัมป์เสียท่า เพราะโดนแฮร์ริสยั่วโมโหหลายครั้ง อีกทั้งแฮร์ริสยังเบี่ยงประเด็นเวลาตอบคำถามที่จะทำให้ตัวเองดูไม่ดีจนพลิกเกมได้หลายจุด ซึ่งสิ่งที่มาคู่กับดีเบตในการเมืองอเมริกันยุคใหม่คือข้อมูลเท็จ และต่อไปนี้คือข้อมูลเท็จที่ตราตรึงใจคนฟังที่สุดอย่างหนึ่งจากทรัมป์
"They're eating the dogs. The people that came in, they're eating the cats. They're eating. They're eating the pets of the people that live there. And this is what's happening in our country. And it's a shame."
ทรัมป์พูดถึงปัญหาผู้อพยพ โดยยกตัวอย่างในเมือง Springfield, Ohio ว่า ผู้อพยพจากเฮติเข้ามาขโมยสัตว์เลี้ยงของคนที่นั่นไปกิน ขณะที่หลายสื่อตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พบว่า ไม่มีรายงานการแจ้งเหตุเหล่านี้
ด้านแฮร์ริส มีปฏิกริยาทั้งหัวเราะ ทั้งทำหน้างง และเธอยังบอกด้วยว่า คิดว่านี่น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่มีสมาชิกพรรครีพับลิกันมากถึง 200 คนที่ประกาศตัวสนับสนุนเธอ ทั้งคนที่เคยทำงานกับอดีตประธานาธิบดี Bush รวมถึงอดีตทีมงานของ Mitt Romney กับ John McCain และตัวของอดีตรองประธานาธิบดี Dick Cheney ด้วย
แต่แฮร์ริสก็ให้ข้อมูลเท็จด้วยเหมือนกัน เรื่องสถานการณ์การว่างงาน ที่เธออ้างว่ารัฐบาลทรัมป์ทิ้งปัญหาไว้ให้ คือการว่างงานที่สูงที่สุดตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจถดถอย the Great Depression ช่วงทศวรรษที่ 1930 ซึ่งไม่จริง เพราะปลายเทอมทรัมป์คือต้นปี 2021 อัตราการว่างงานสหรัฐฯ อยู่ที่ร้อยละ 6.4 แต่จริง ๆ จุดที่แย่กว่านี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเศรษฐกิจถดถอยปี 2009 ประมาณเดือน ต.ค.ที่ปีนั้นว่างงานถึงร้อยละ 10 และยิ่งหนักในช่วงวิกฤตโควิด-19
อ่านข่าว