สว.อภิปรายงบฯ ปี 68 "นรเศรษฐ์" แนะปรับโครงสร้างบุคลากรภาครัฐ

การเมือง
9 ก.ย. 67
12:14
277
Logo Thai PBS
สว.อภิปรายงบฯ ปี 68  "นรเศรษฐ์" แนะปรับโครงสร้างบุคลากรภาครัฐ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สว.อภิปรายงบฯ 68 “วิธาวีร์” จี้ถามแผนบริหารหนี้การจัดหารายได้เพิ่ม ส่วน ”นรเศรษฐ์“ แนะปรับโครงสร้างบุคลากรภาครัฐ ด้าน “อังคณา” ติงจัดงบไม่สอดรับแผนด้านสิทธิมนุษยชน

วันนี้ (9 ก.ย.2567) ที่ประชุมวุฒิสภาที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่สภาฯ พิจารณาแล้วเสร็จ

น.ส.วิธาวีร์ ประทุมสวัสดิ์ สว.อภิปราย ตั้งคำถามถึงแผนการจัดเก็บรายได้ หากไม่เพียงพอต่อรายจ่ายจะเดินหน้าต่ออย่างไร แผนการบริหารหนี้ โอกาสในการหารายได้เพิ่มและการจัดการความเสี่ยง

นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว.อภิปราย ระบุว่า งบประมาณมีปัญหาด้านรายจ่ายจะต้องปรับโครงสร้างบุคลากรภาครัฐในอนาคต โดยอ้างอิงสถิติกำลังพลภาครัฐในช่วง 2557-2567 หรือ 10 ปี ที่ผ่านมา ควรจะมีแผนที่จริงจังกับบูรณาการระบบราชการที่เป็นอยู่ขณะนี้ โดยข้อเสนอต่องบประมาณปี 2568 ให้มีการหยุดรับตำแหน่งบางตำแหน่ง ที่วางแผนจะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในอนาคต

รวมถึงรัฐไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบงานทั้งหมดแต่เปิดให้ หน่วยงานจ้างภายนอก (Outsource) เข้ามารับงาน เพื่อรัฐจะต้องไม่รับผิดชอบค่าบำเหน็จบำนาญ ค่ารักษาพยาบาลซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบระยะยาวและจะเป็นภาระทางการคลัง ซึ่งยังไม่เห็นการบูรณาการอย่างจริงจัง

นายนรเศรษฐ์ ยังกล่าวถึง ทางเลือกการลงทุนภาครัฐ 1 ใน 5 ของรายจ่ายลงทุนลงไปกับแค่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยชี้เห็นว่า การใช้งบประมาณมหาศาลในการทำนโยบายเช่นนี้ การแจกปลาให้ประชาชนทำให้กินอิ่มเพียงมื้อ หรือ สองมื้อแล้วก็หมดไป

หากจะดีกว่า ถ้ารัฐบาลเลือกที่จะทำงบประมาณหลายแสนล้านบาทไปสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันให้ประเทศเป็นการสร้างธุรกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ และให้ประชาชนสร้างรายได้ที่ยั่งยืนกว่าการแจกเงินเพียงอย่างเดียว

และให้ข้อสรุปในข้อสังเกตงบประมาณปี 2568 ว่า เหตุใดค่าใช้จ่ายบุคลากรรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่ไม่มีแผนแก้ไขที่จริงจัง การลงทุนโครงการระยะสั้น มากกว่าโครงสร้างพื้นฐาน

การทำงบประมาณเป็นปัญหาระยะยาวที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข เข้าใจความจริงว่าระยะทำงานของรัฐบาลแต่ละชุดเต็มที่ 4 ปีเรื่องนี้จำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญของผู้บริหาร ที่จะตัดสินใจในโครงการเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของประเทศในอนาคตระยะยาวมากกว่าใช้เงินกับนโยบายที่เห็นผลระยะสั้นเพื่อให้ได้คะแนนนิยมทางการเมืองเท่านั้น

นางอังคณา นีละไพจิตร สว.อภิปรายว่า มีนโยบายบางอย่างที่ยังจัดสรรงบประมาณไม่เป็นธรรมและสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและนโยบายของรัฐบาล คือ การจัดทำนโยบายที่สอดคล้องกับแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ล่าสุดแผนฉบับที่ 5 ใช้ปี 2566-2570 ที่เสนอโดยกระทรวงยุติธรรมเพื่อคุ้มครองสิทธิศักดิ์ศรีของประชาชนทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งงบประมาณในปี 2568 มีบางกระทรวงที่จัดงบประมาณเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมแต่หน่วยงานอื่นไม่ได้จัดทำแผนสอดคล้องกับแผนสิทธิมนุษยชน

ยกตัวอย่างกระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 90,000 ล้านบาท แต่ถูกใช้ส่วนใหญ่กับงานด้านความมั่นคง และอ้างอิงว่าจากรายงาน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพบว่า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง สังเกตจากมีคำร้องต่อกรรมการสิทธิ์และผู้ตรวจการแผ่นดิน

รวมถึงการจัดสรรงบประมาณที่ไม่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ ความจำเป็นที่ต้องการแตกต่างของเพศวัยและสภาพของบุคคล และหวังว่าในการจัดทำงบประมาณปีต่อไปจะให้หน่วยงานทุกหน่วยจัดงบประมาณที่สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติและแผนสิทธิมนุษยชน

นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว.อภิปรายถึงความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณด้านสาธารณสุขที่จะนำไปใช้จัดหาเครื่องหมายเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค เพื่อนำไปรักษาประชาชน จึงหวังว่าให้รัฐบาลพิจารณาในปี 2569 โดยจัดสรรงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้คนไทยอย่างที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯเคยพูดเอาไว้ว่า ให้มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไปพร้อม ๆ กัน

อ่านข่าว : สภาผ่านฉลุย ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท  

"ศิริกัญญา" ยันโหวตไม่เห็นด้วยวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบปี 68  

เช็กเสียงโหวตมาตรา 4 ถกงบปี 68 ปชป.เห็นชอบ - พปชร.เสียงแตก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง