ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กู้คืนศรัทธา ! วงการสีกากี ลงดาบ 8 ลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” ออกราชการ

อาชญากรรม
4 ก.ย. 67
13:22
3,220
Logo Thai PBS
กู้คืนศรัทธา ! วงการสีกากี  ลงดาบ 8 ลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” ออกราชการ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 67 เนื่องจาก ถูกกล่าวหา กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง เหตุต้องหาในคดีอาญา เกี่ยวข้องกับคดีเว็บพนันออนไลน์ และความผิด ตาม พ.ร.บ.การฟอกเงิน ถั่วยังไม่ทันสุก งาก็ไหม้  “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็ตั้งคณะกรรมการสอบ สวน ตำรวจผู้ใกล้ชิด “บิ๊กโจ๊ก” รวม 8 นาย โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน ด้วยเหตุทางคดีเดียวกัน

การต่อสู้ อุทธรณ์คำสั่ง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เพิ่งจบลงไปได้ไม่นาน หลัง ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัย ยกอุทธรณ์ แต่ก็ยังมีคดีทางวินัย ที่อยู่ในชั้นการสอบสวนพยานของฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา “ผิดวินัยร้ายแรง” โดยมีตำรวจคนสนิท ทำงานใกล้ชิดมานาน คอยให้ความช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษาเหล่าพยาน เสมือนทนายความ

แต่แล้วก็มาถึงคราวตัวเอง เหตุเพราะต้องคดีอาญา มูลเหตุคดีเดียวกัน แม้จะคนละท้องที่ก็ตาม

สอบวินัย 8 ตร. คนสนิท “บิ๊กโจ๊ก”ออกจากราชการฯ

พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ มีบทบาทไม่น้อย ในงานสอบสวนของหลายคดีสำคัญ ทั้งการปราบปราม “จีนเทา”คดีผับจินหลิง ในปี 65 , คดีแอม สรารัตน์ ไปจนถึงคดีใหญ่ที่เพิ่งส่งสำนวนคดีฟ้องตำรวจไปเกือบ 20 นาย คือ อุ้มเจ้าของเว็บพนันออนไลน์รีดเงินกว่า 140 ล้านบาท และคดีกำนันนก ซึ่งคดีนี้พล.ต.ต.นำเกียรติ เป็นผู้สอบสวนพยานปากสำคัญทั้งตำรวจและพลเรือน

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย นายตำรวจที่ยืนข้างกาย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เกือบทุกที่ ทุกคดีที่ทำ ล่าสุดปรากฏตัวเข้าร่วมการสอบสวนพยาน ในกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง ในฐานะที่ปรึกษาของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งทำหน้าที่เสมือนทนายความ

ส่วนคดีสำคัญ ที่ได้ร่วมคลี่คลาย คือ คดี แอมสรารัตน์ ฆ่าผู้อื่นฯ โดยใช้ไซยาไนด์ และ คดี กำนันนก ที่สารวัตรทางหลวงถูกยิงเสียชีวิต ณ ที่ทำการกำนัน กลางดึก คืนวันที่ 3 ก.ย. ปี 66

ยังมีอีกคนที่ ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อฯ ไม่น้อยไปกว่ากัน คือ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ซึ่งได้ร่วมคลี่คลาย คดีดัง อย่าง คดีแอม สรารัตน์ และร่วมสืบสวนสอบสวนในคดี กำนันนก ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ตำรวจอีก 5 นาย ต่างก็เป็นตำรวจผู้ที่ทำงานใกล้ชิด พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มาโดยตลอดเช่นกัน ประกอบด้วย พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ , พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ (ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 177 /2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67) ,พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร ,ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว (ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178 /2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67) และ ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์

เปิดหนังสือตั้งคณะกก.สอบสวน แจงเอี่ยวเครือข่ายพนันฯ

สืบเนื่องจาก ตำรวจทั้ง 8 นาย ถูกสืบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 93/2567 ลงวันที่ 15 ก.พ. 2567 โดยปรากฎผลการสืบสวนข้อเท็จจริง ว่า

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทค โนโลยีสารสนเทศ ตร. ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ดำเนินคดีกับบุคคลเครือข่าย หุ้นส่วน นายทุน เจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งตรวจสอบพบการกระทำความผิด มีการเปิดบริการให้เล่นพนันออนไลน์ สล็อต บาคาร่า คาสิโนออนไลน์ เกมส์พนันออนไลน์อื่น ๆ

จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบาย ล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต จากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน โดยพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้วตามคดีอาญาที่ 468/2566 ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ

พ.ต.อ.ภาคภูมิ  พิศมัย

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย

ต่อมา เมื่อวันที่ 22 ก.ย.66 ศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการตำรวจทั้ง 8 นาย ดังกล่าว จากการตรวจสอบข้อมูลที่ตรวจยึดได้พบบันทึกสรุปยอดบันทึกว่า "จ่ายตำรวจ" พร้อมระบุ จำนวนเงินและข้อมูลของ น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่ ผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน ออนไลน์ พบว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ โดยมีหลักฐานที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ให้ น.ส.ธันยนันท์ โอนเงินค่าตำรวจ โดยวิธีการนำเงินสดไปฝากเข้าตู้รับฝากของธนาคารต่าง ๆ เพื่อปกปิดอำพรางการได้มา

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ส่งเลขบัญชีธนาคารและภาพหน้าสมุดธนาคารไปยัง น.ส.ธันยนันท์ เพื่อให้ดำเนินการนำเงินสดไปฝากเข้าตู้เอทีเอ็ม เข้าบัญชีของนายกิตติชัช และนายพุฒิพงษ์

จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า เงินค่าตำรวจ ซึ่งเข้าไปในบัญชี นายกิตติชัช มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงมีการทำธุรกรรมรับโอนเงินและโอนเงินเข้าไป ในบัญชีธนาคาร นายพุฒิพงษ์ , นายครรชิต, นายวราวุฒิ, และน.ส.พิมพิลาศ ซึ่งเป็นบัญชีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ เป็นผู้ถือและใช้บัญชี และได้มีการโอนเงินและรับโอนเงินผ่านบัญชีดังกล่าวไปยัง พล.ต.ต.นำเกียรติ , พ.ต.อ.เขมรินทร์, พ.ต.อ.อาริศ, พ.ต.ต. ชานนท์, ส.ต.อ. ณัฐวุฒิ และ ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นการโอนเงินและรับโอนเงินจากบัญชีม้า ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดการพนันออนไลน์ และน่าเชื่อว่า มีพฤติการณ์เรียกรับเงินค่าตำรวจดังกล่าว

พล.ต.ต.นำเกียรติ  ธีระโรจนพงษ์

พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์

พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์

เหตุเกิดในห้วงปี พ.ศ.2565 - 2566 กรณีจึงมีมูลที่ควรกล่าวหาว่า พล.ต.ต.นำเกียรติ กับพวกรวม 8 นาย กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงอาศัยอำนาจตามความในพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 105 มาตรา 119 และมาตรา 179 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่า ด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ. 2567 จึงแต่งตั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหา ในเรื่องดังกล่าว โดยมี พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ เป็นประธานกรรมการ

เหตุ"ให้ออก"ต้องคดีอาญาร้ายแรง -ข่มขู่พนักงานอัยการ

ในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 437/2567 ลงวันที่ 30 ส.ค. 2567 ให้ตำรวจทั้ง 8 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน ได้ระบุ เหตุผลให้พักราชการได้ตามกฎ ก.ตร.ว่า ด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3 (1 ) คือ ถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญา โดยผู้กระทำความผิดเป็นข้าราชการตำรวจ มีหน้าที่และอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา แต่กลับต้องหาว่ากระทำผิดทางอาญาเสียเอง ซึ่งเป็นคดีสำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชน ประกอบกับปรากฏข้อเท็จจริงตามเอกสารข่าว

สาระสำคัญอีกตอนหนึ่งที่ถูกหยิบยกไว้ในหนังสือคำสั่งฯ คือ พฤติกรรมขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน ว่าด้วย ...

สำนักงานอัยการสูงสุด ลงวันที่ 19 ก.พ.67 ว่า มีพฤติการณ์การกระทำในเชิงคุกคามข่มขู่พนักงานอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ และขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชนและภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งจแห่งชาติอย่างร้ายแรง

ถ้าให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการ ประกอบกับการสอบสวนพิจารณาในเรื่องนี้มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน และมีผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเป็นเครือข่ายจำนวนมากพิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้นจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 มาตรา 131 และมาตรา 179 แห่ง พ.ร.บ.ตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่า ด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจาก ราชการไว้ก่อน พ.ศ.67 ข้อ 5 จึงให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ กับพวกรวม 8 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป

อนึ่ง ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามคำสั่งนี้ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ได้ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 141 ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง และหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือภายใน 90 วัน นับแต่วันพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์

ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่ข้าราชการตำรวจะถูกกล่าวหาในคดีอาญา ซึ่งเป็นคดีเว็บพนันออนไลน์ พร้อม พ.ร.บ.การฟอกเงิน แบบยกก๊วน ยกกลุ่ม ในลักษณะนี้

ขณะที่ หลายภาคส่วนพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูปตำรวจ เพื่อเรียกศรัทธาจากประชาชน แต่เหมือนว่า อุปสรรคสำคัญ คือ ข้าราชการตำรวจเสียเอง แม้จะเป็นบางคน บางกลุ่ม แม้จะพูดได้ว่า คดียังไม่ถึงที่สุด ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่เสมอ ... แต่เพียงแค่นั้นก็ ลดทอนความเชื่อมั่น ศรัทธา จากประชาชนไปมากแล้ว

เวลาที่เหลืออยู่ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อาจจะไม่ทันกอบกู้วิกฤตศรัทธา คงต้องลุ้นว่า ผบ.ตร.คนต่อไป จะทำได้หรือไม่

“แล้วประชาชนต้องให้โอกาสครั้งแล้ว ครั้งเล่า ไปจนถึงอีกเมื่อไร”


รายงานโดย: กิตติพร บุญอุ้ม ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ไทยพีบีเอส

อ่านข่าว

ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 8 ลูกน้อง "บิ๊กโจ๊ก" สอบวินัยคดีเว็บพนัน

รวบหัวหน้าด่านชั่งน้ำหนักวังน้อย เก็บส่วยรถบรรทุก พบโยงบัญชีม้า

อัปยศ! ศาลฯ รับฟ้องอดีต ขรก.ระดับสูง เอี่ยวช่วยคดี "บอส อยู่วิทยา"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง