กรณีเหตุการณ์ดินถล่มบนเทือกเขานาคเกิด และทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คนจนนำมาสู่การตรวจสอบหาสาเหตุของดินถล่มว่าอาจมาจากการเปลี่ยนสภาพพื้นที่ของวัดกิตติสังฆาราม (วัดกะตะ) ที่มีการก่อสร้างพระใหญ่บนเทือกเขา
วันนี้ (27 ส.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ กรมป่าไม้ สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ท้องถิ่น เข้าตรวจสอบวัดพิกัดพื้นที่วัด พร้อมใช้ GPS สัญญาณดาวเทียม เพื่อหาจุดพิกัดพื้นที่ 15 ไร่ ที่ได้มีการยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้เพื่อทำประโยชน์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต
อ่านข่าว ผงะ! เครื่องเตือนดินถล่มเขานาคเกิดปลวกกิน เหตุไม่แจ้งเตือน
เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจสอบสภาพพื้นที่วัดพระใหญ่ภูเก็ต
จากการตรวจพิกัด GPS พื้นที่บนเขานาคเกิด จุดที่ตั้งพระใหญ่ พบว่ามีการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เกินจากที่ขอไว้ และบุกรุกพื้นที่ป่าไม้อีก 5 ไร่ 19 ตารางวา พบหลักฐานสิ่งก่อสร้าง 6 รายการ มีการก่อสร้างทั้งในส่วนของลานจอดรถ ห้องน้ำ และอาคารบางส่วน
เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จังหวัดภูเก็ต แจ้งความดำเนินคดี กับประธานมูลนิธิพระพุทธมิ่งมงคลศรัทธา 45 ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าไม้
อ่านข่าว จ่อรื้อ "พระใหญ่" แลนด์มาร์กรุกเขานาคเกิดดินถล่ม 13 ศพ
ยังรอคำสั่งรื้อ-เปิดภาพจุดบุกรุก
แหล่งข่าวจากกรมป่าไม้ กล่าวว่า ส่วนการขอให้รื้อถอนพระใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างบนภูเขา อยู่ระหว่างการเตรียมส่งให้ผู้บริหารพิจารณาและใช้คำสั่งทางปกครองหลังจากวันนี้ ได้มีการเข้าตรวจวัดพิกัดการใช้พื้นที่แล้วพบว่ามีการบุกรุก
ขณะที่ ศูนย์ข้อมูลภูเก็ต Phuket Info Center ได้นำภาพจากการตรวจสอบพื้นที่ ระบุว่า ชัดๆ ว่าส่วนหนึ่งเกิดจากความมักง่ายในน้ำมือมนุษย์ เริ่มต้นจาก จุดทิ้งขยะก่อสร้างแผ่นปูนขนาดใหญ่ริมผา
รวมถึงจุดสร้างบ่อส้วมซึม ซึ่งพอดินชุ่มน้ำทำให้เกิดการยุบตัวสไลด์ลงเกิดเป็นโดมิโนพังลงไปทับบ้านเรือนข้างล่าง โดยพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ใน 15 ไร่ที่มูลนิธิขออนุญาตจากป่าไม้อีกด้วย
อ่านข่าวอื่นๆ