- ไทยพบผู้ป่วยสงสัย "ฝีดาษลิง" รอผลตรวจยืนยันสายพันธุ์
- อนามัยโลกชี้ "เอ็มพอกซ์" ไม่ระบาดรุนแรงเท่าโควิด-19
ตามที่องค์การอนามัยโลก ประกาศยกระดับ โรคฝีดาษลิง หรือ เอ็มพอกซ์ ให้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ หลังแอฟริกามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสายพันธุ์ เคลด 1 บี (Claude 1b)
ในส่วนของประเทศไทยนั้น ทางกรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ออกมาระบุว่าข้อมูลจนถึงวันที่ 19 ส.ค.2567 ยังไม่พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสายพันธุ์รุนแรง เคลด 1 บี ในประเทศไทย แต่มีผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรสายพันธุ์ไม่รุนแรง
ขณะที่ ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคดังกล่าวพร้อมทั้งระบุด้วยว่า ในประเทศไทย โดยสถานเสาวภา สภากาชาดไทยได้มีการนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าว แต่มีค่าใช้จ่าย ป้องกันความรุนแรงได้ร้อยละ 68-80%
ฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ส.ค.2567 สภากาชาดไทยโพสต์เฟซบุ๊กการให้บริการวัคซีนป้องกันโรค ฝีดาษวานร ระบุว่า ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่มีความประสงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานร สามารถเข้ารับบริการวัคซีนได้ที่ตึกราชูทิศ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย โดยมีการบริการฉีด 2 วิธี ดังนี้
- วิธีที่ 1 ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง (ขนาดเต็มโดส 0.5 ML) ราคาเข็มละ 8,500 บาท ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 28 วัน
- วิธีที่ 2 ฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (ครั้งละ 0.1 ML) ราคาจุดละ 2,200 บาท ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 28 วัน (ต้องมาพร้อมกัน 4 ท่าน)
เปิดทำการ วันจันทร์-วันศุกร์
- เวลา 08.30-12.00 น. (ปิดรับบัตรคิว เวลา 11.30 น.)
- เวลา 13.00-16.00 น. (ปิดรับบัตรคิว เวลา 16.00 น.)
วันเสาร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
- เวลา 08.30-12.00 น. (ปิดรับบัตรคิว เวลา 11.30 น.)
วันอาทิตย์ปิดทำการ
ที่มา : สภากาชาดไทย Thai Red Cross Society
ยังไม่ใช่วัคซีนฝีดาษลิงโดยตรง ป้องกันได้ร้อยละ 80-85
ข้อมูลจากสถานเสาวภา สภากาชาดไทย ระบุว่า ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงโดยตรง แต่พบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษเข้าใต้ผิวหนัง 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 28 วัน มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ถึงร้อยละ 80-85 ซึ่งผู้ที่ควรได้รับวัคซีน คือ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ดังนี้
- การฉีดวัคซีนแก่บุคคลที่มีการสัมผัสโรคแล้ว ได้แก่ ผู้ที่มีการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง เช่น มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ ใกล้ชิดคลุกคลีหรือมีการสัมผัสกับรอยโรคของผู้ติดเชื้อ โดยให้เริ่มฉีดวัคซีนภายใน 14 วัน หลังสัมผัสโรค (ดีที่สุดคือภายใน 4 วัน)
- การฉีดวัคซีนแบบป้องกันก่อนสัมผัสโรคสำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับเชื้อฝีดาษวานร และผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศโดยเฉพาะกลุ่มชายรักชายที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีคู่นอนมากกว่า 1 คน หรือ ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ภายในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา
อ่านข่าวเพิ่ม :
อนามัยโลกชี้ "เอ็มพอกซ์" ไม่ระบาดรุนแรงเท่าโควิด-19
รายแรก! "ฝีดาษลิง" ในฟิลิปปินส์ ไม่มีประวัติเดินทางนอกประเทศ