เพราะภาพที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ สะท้อนบุคคลสำคัญทางการเมืองทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมตัวอยู่ในงานเดียวครบครัน หากการเมืองไทยจะขยับเดินหน้าหรือถอยหลัง หรือมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ก็ต้องถูกเชื่อว่า น่าจะมีส่วนมาจากบุคคลเหล่านี้
ไฮไลต์สำคัญ คือภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายใหญ่ และเป็นศูนย์กลางทางการเมือง ปัจจุบัน เดินเข้าไปไหว้และทักทาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยมีอำนาจบารมีทางการเมืองตลอด 8-9 ปี ที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศ และ พล.อ.ประยุทธ์ รับไหว้และมีทักทายกันเล็กน้อย
ยังมีภาพการเดินเข้าไปไหว้ พล.อ.ประยุทธ์ และภริยา น.ส.นราพร จันทร์โอชา อย่างนอบน้อมของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทายาททางการเมืองนายทักษิณ
มีภาพนายเศรษฐา ในฐานะเจ้าภาพ ให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเดินทางมาถึง และเดินไปส่งที่รถตอนขากลับ พร้อมรัฐมนตรีและแกนนำรัฐบาลหลายคน ร่วมเฟรม ในจำนวนนี้ รวมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ ทั้งใน ครม. พล.อ.ประยุทธ์ และใน ครม.นายเศรษฐา
เช่นเดียวกับมีภาพนายเศรษฐา และคนใน ครม.เดินไปส่งนายทักษิณ ที่รถตอนขากลับเช่นกัน นายทักษิณยกมือรับไหว้ร่ำลา
แม้ในงานนี้ นายทักษิณกับ พล.อ.ประยุทธ์จะนั่งคนละฝั่ง แต่คนวงในระบุว่า บรรยากาศไม่ได้เคร่งเครียดอึมครึม แต่เต็มไปด้วยความเป็นกันเอง เสมือนเพื่อนๆ หรือพรรคพวกได้มีโอกาสเจอกัน ในทำนองนั้น
เป็นภาพเหตุการณ์คนละอารมณ์กับเมื่อครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นนายกฯ ที่มักจะพูดกระทบกระทั่งไปถึงรัฐบาลชุดก่อนๆ ซึ่งมีนัยสะท้อนไปถึงนายทักษิณในที โดยเฉพาะการสร้างปัญหาที่หมักหมมให้กับประเทศและระบบเศรษฐกิจของชาติ จนรัฐบาลของตนต้องมาตามล้างตามแก้ไขให้
ขณะที่คนจากพรรคเพื่อไทย ที่เป็นฝ่ายค้าน รวมทั้งทายาทของนายทักษิณ ทั้ง “โอ๊ค” นายพานทองแท้ และ น.ส.แพทองธาร คอยตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นระยะ ๆ อาทิ เมื่อครั้งย้อนกลับเมื่อถูกโยนคำถามว่า “อุ๊งอิ๊ง คือใคร ไม่รู้จัก” ด้วยการโพสต์ข้อความว่า “เป็นหลาน นายกฯ ปู ที่ลุงตู่เคยเกาะโต๊ะ ของบซื้ออาวุธ
ไม่รวมช่วงหาเสียงเลือกตั้ง สส.ครั้งล่าสุด ที่ น.ส.อุ๊งอิ๊ง และนายเศรษฐา ประกาศว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคลุง 2 พรรค แต่ในเวลาต่อมา พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตั้งรัฐบาล 314 เสียง และปรากฎภาพนายกฯคนใหม่ เดินทางไปทำเนียบรัฐบาลพบและหารือกับพล.อ.ประยุทธ์
สำหรับวันนี้ กลายเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว หลังสถานการณ์การเมืองพลิกกลับแบบสุดขั้ว และยิ่งตอกย้ำภาพเหตุการณ์พบปะกันที่วัดเทพศิรินทราวาส ของ 2 คนสำคัญจาก 2 กลุ่มอำนาจปัจจุบัน
ภาพดังกล่าว มีนัยและความหมายทางการเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังที่กูรูทางการเมืองเห็นสอดคล้องในทางเดียวกันว่า การเมืองน่าจะ “ลงตัว” มีการเจรจาประสานประโยชน์เสร็จสรรพแล้ว ก่อนจะถึงวันที่ 14 ส.ค. ซึ่งเดิมที ลุ้นกันว่า นายกฯจะได้ไปต่อหรือไม่
ปัจจัยสนับสนุนเรื่องนี้ได้ดียิ่ง คือที่ประชุม ครม.เมื่อวันอังคาร (6 ส.ค.) ได้รับทราบการจัดประชุมครม.สัญจร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา 19-20 ส.ค.นี้ พร้อมภารกิจการลงพื้นที่ตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบนของนายกฯ ที่ชื่อนายเศรษฐา
เรียกว่ามั่นใจมองข้ามช็อตไปล่วงหน้ากันแล้ว
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส