วันนี้ (31 ก.ค.2567) ศูนย์วิจัยกรุงศรี วิเคราะห์สถานการณ์ เศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัว คาดเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 2.8% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.4% และสูงกว่าตลาดคาดที่ 2.0%
อย่างไรก็ตาม ในเดือนมิ.ย.ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลง 5.4% ต่อเนื่องเช่นเดียวกับยอดขายบ้านใหม่ที่ปรับตัวลง -0.6% นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อ PCE ทั่วไปอยู่ที่ 2.5% จากเดือนก่อนที่ 2.6% ส่วนอัตราเงินเฟ้อ PCE พื้นฐานทรงตัวที่ 2.6%
แม้ว่า GDP ไตรมาส 2 โตดีกว่าคาด แต่จากดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ เช่น ยอดขายบ้าน กิจกรรมการผลิต ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และอัตราการว่างงานที่ส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น
สอดคล้องกับ IMF ที่ปรับลดคาดการณ์ GDP ในปี 2567 จากเดิมโต 2.7% ลงมาที่ 2.6% นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้
ขณะที่ เศรษฐกิจยูโรโซนผ่านจุดต่ำสุด แต่ยังมีแนวโน้มโตต่ำและมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ในเดือนกรกฎาคม ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและการบริการปรับลดลงสู่ระดับ 50.1 จากเดือนก่อนหน้าที่ 50.9 โดยภาคการผลิตหดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 45.8 สู่ระดับ 45.6 ขณะที่ภาคการบริการชะลอลงจาก 52.8 ลงสู่ระดับ 51.9 นอกจากนี้ ในเดือนมิถุนายน สินเชื่อภาคเอกชนขยายตัวเพียง 0.3% YoY
วิจัยกรุงศรีคาดว่า ECB จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ (ไม่ปรับลดในทุกการประชุม) ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปีอยู่ที่ 3.25% จากระดับปัจจุบันที่ 3.75%
อย่างไรก็ตาม IMF คาดเศรษฐกิจจีนปีนี้โตได้ตามเป้าหมายที่ 5% ขณะที่ตัวเลขการบริโภคล่าสุดยังอ่อนแอแม้มีมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง สำหรับในปี 2567 IMF คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ 5% แต่จะชะลอลงสู่ 4.5% ในปี 2568 และอาจเหลือเพียง 3.3% ภายในปี 2572 ส่วนในไตรมาส 2 เศรษฐกิจจีนโตต่ำกว่าคาดที่ 4.7% ตามการบริโภคที่ยังอ่อนแอต่อเนื่อง
โดยยอดค้าปลีกในเดือนมิถุนายนขยายตัวเพียง 2% จาก 3.7% ในเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ ความกังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหนุนให้จีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจาก 1.8% เป็น 1.7% และปรับลด Medium-Term Lending Facility (MLF) จาก 2.5% เป็น 2.3% รวมถึง Loan Prime Rate (LPR) ระยะ 1 ปี และ 5 ปี จาก 3.45% และ 3.95% เป็น 3.35% และ 3.85% ตามลำดับ
สำหรับเศรษฐกิจไทย การส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัว 2.0% คาดทั้งปีมีแนวโน้มเติบโตได้ 1.8% ขณะที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตกำหนดให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนรับสิทธิได้ต้นเดือนส.ค.นี้ อย่างไรกตาม ยังมีปัจจัยการเมืองในประเทศจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยต่อคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ในวันที่ 14 ส.ค.ที่จะถึงนี้ด้วย
อ่านข่าว:
เงินบาทอ่อน อานิสงส์ส่งออกข้าวไทย พณ.ปรับเป้าใหม่ 8.2 ล้านตัน