ดีเดย์ 1 ส.ค.-15 ก.ย.67 ประชาชนลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต

เศรษฐกิจ
24 ก.ค. 67
10:49
8,822
Logo Thai PBS
ดีเดย์  1 ส.ค.-15 ก.ย.67 ประชาชนลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รัฐบาลแถลงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เคาะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน 1 ส.ค.-15 ก.ย. ประชาชนไม่มีสมาร์ทโฟน 16 ก.ย. - 15 ต.ค. ส่วนร้านค้าลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป

วันนี้ (24 ก.ค.2567) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แถลงข่าวความคืบหน้าโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า โครงการนี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2566 ที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นนโยบายที่ผ่านการกลั่นกรองและแนวคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว พร้อมกล่าวย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และน่าจะมีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบเศรษฐกิจ ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังมีโครงการอื่นที่จะทำคู่ขนาน

ทั้งนี้นายพิชัย ยอมรับทุกรัฐบาลต้องสร้างหนี้เพื่อช่วยประชาชน และนโยบายดังกล่าวก็ทำให้รัฐบาลเป็นหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 

นายพิชัย ยังกล่าวว่ากลัวหนี้สาธารณะ แต่กลัวคนไทยประสบปัญหา ร้านค้าประสบปัญหา เพราะเป็นพื้นฐานที่แท้จริง รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน ผู้ประคอง ดังนั้นวินัยการเงินการคลัง รัฐบาลมาอยากเห็นหนี้รัฐเกิน 70 ของจีดีพี ถ้าเศรฐกิจโต รัฐบาลจะดูแลอนาคตนั้นได้

ดูคลิป : ก.คลัง เตรียมใช้แอปฯ “ทางรัฐ” เป็นระบบหลังบ้านใช้เงินดิจิทัล

โครงการเติมเงินตั้งแต่ในอดีต ต้องการแก้ปัญหาที่ฐานราก การเติมเงินต้องไปตั้งต้นกับคนที่มีปัญหา เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และมีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ต้องเข้ามือประชาชนให้ทั่วถึง ซึ่งการกระจายตัวไปสู่ 878 อำเภอ การตั้งต้นจากคนที่มีปัญหา ส่วนเรื่องการทำครั้งนี้ผลพลอยได้คือ การวางรากฐานเศรษฐกิจ

ส่วนสาเหตุที่ล่าช้ามาถึง 10 เดือน เนื่องจากระบบที่วางไว้ต้องหาข้อเท็จจริง ต้องดูข้อเสนอแนะจากหลายหน่วยงาน คนที่เป็นห่วงเรื่องความผิดพลาด ดังนั้นจึงมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนตลอดเพื่อป้องกันความผิดพลาด และปัญหา

"จุลพันธ์" มั่นใจมีแหล่งเงินเพียงพอ วางเป้า 45 ล้านคน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวแถลงรายละเอียดของโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ขอให้มั่นใจว่ามีแหล่งเงินเพียงพอสำหรับการดำเนินโครงการฯ และมีความชัดเจนทุกประการ โดยวางเป้าหมายไว้ว่าจะมีคนเข้าร่วมโคงการ 45 ล้านคนและเตรียมเงินไว้รอราว 450,000 ล้านบาท ซึ่งมีแหล่งเงินนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรกคือการบริหารจัดการทางการคลังและการบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 165,000 ล้านบาท ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมซึ่งเข้าสู่การพิจารณาในชั้น กมธ.ของสภาฯ 122,000 ล้านบาท กับการบริหารทางการคลังและการบริหารจัดการเงินงบประมาณ ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณอีก 43,000 ล้านบาท

ส่วนที่ 2 การบริหารจัดการทางการคลังและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 จำนวน 285,000 ล้านบาท ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท และการบริหารการคลังและการบริหารการเงินงบประมาณตามวิธี พ.ร.บ.งบประมาณอีก 132,300 ล้านบาท โดยยืนยันว่ามีความพร้อมในการบริหารจัดการงบประมาณเพื่อรองรับการดำเนินโครงการฯ เพิ่มเติมกรณีที่มีจำนวนผู้ร่วมโครงการฯ มากกว่า 45 ล้านคนได้จนเต็มจำนวน

คุณสมบัติของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ

1. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
2. มีสัญชาติไทย
3. มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียนคือวันที่ 15 ก.ย.2567
4. เป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566 โดยกรมสรรพากรประมวลผลข้อมูลผู้มีรายได้ 7 วันก่อนเปิดการลงทะเบียน
5. ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกินกว่า 500,000 ล้านบาท โดยจะตรวจสอบข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่ เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ บัตรเงินฝาก ใบรับเงินฝากและผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้เงินฝากดังกล่าวหมายถึงเงินฝากที่อยู่ในรูปของเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม โดยกำหนดวันในการตรวจสอบสิทธิเงินฝากในวันที่ 31 มี.ค.2567
6. ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
7. ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการและโครงการอื่นๆ ของรัฐ
8. ไม่เป็นผู้ที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการและโครงการอื่นๆ ของรัฐ

เคาะเปิดประชาชนลงทะเบียน 1 ส.ค. - 15 ก.ย. , ร้านค้าตั้งแต่ 1 ต.ค.

กำหนดการลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไปหรือกลุ่มหลักที่มีสมาร์ตโฟน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. - 15 ก.ย.2567 โดยการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการของประชนจะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ บนสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นแอปฯ ศูนย์รวมบริการภาครัฐมากกว่า 152 บริการ เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์แอปฯ ของรัฐบาล พร้อมย้ำว่าไม่มีการจำกัดจำนวนประชาชนที่จะเข้าร่วมใช้สิทธิในโครงการฯ ซึ่งประเมินไว้ว่าจะมีราว 45-50 ล้านคน

ส่วนกลุ่มประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. - 15 ต.ค.2567 โดยจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติ สถานะบุคคลที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเช่นกัน สำหรับการใช้จ่ายกลุ่มนี้จะสามารถใช้จ่ายโดยใช้บัตรประชาชน แต่การใช้สิทธิกลุ่มนี้จะมีข้อจำกัดมากกว่า เช่น

1. จะต้องใช้กับร้านค้าที่เปิดบริการของสมาร์ทโฟนในขณะที่มีการแลกเปลี่ยนเท่านั้น เพราะมีความจำเป็นจะต้องยืนยันสถานที่และเป็นการซื้อขายแบบเฟซทูเฟซ

2.ทุกครั้งที่ทำการซื้อขายจะต้องบันทึกภาพของผุ้ที่นำบัตรประชาชนไปใช้ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเจ้าของบัตรจริง อย่างไรก็ตามอยากแนะนำให้ลงทะเบียนกับสมาร์ตโฟนเป็นอันดับแรกเพราะจะมีความสะดวกมากกว่า

สำหรับร้านค้า กำหนดให้ลงทะเบียนเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2567 เป็นต้นไป ซึ่งรายละเอียนในกลุ่มนี้จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการฯ ไม่ต่ำกว่า 2,000,000 ร้านค้า โดยแบ่งเป็นกลุ่มนิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) จำนวน 910,000 ร้านค้า, กลุ่มร้านธงฟ้าและร้านอาหารธงฟ้าที่ขึ้นทะเบียนกับ พณ.อีกราว 198,000 ร้านค้า

ส่วนกลุ่มร้านค้าโชว์ห่วย หาบเร่ แผงลอย ร้านอาหาร ร้านตลาดนัด กลุ่มนี้ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งคาดว่าจะมีเข้ามาร่วมโครงการฯ อีกราว 400,000 ร้านค้า, กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ซึ่งขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกราว 93,000 ร้านค้า, ห้างค้าส่ง ค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งขึ้นทะเบียนกับสมาคมค้าปลีกไทยอีกราว 50,000 ร้านค้า และกลุ่มผู้ผลิต ห้าง ร้านค้าในเครือข่าย ร้านค้าในห้างฯ ซึ่งขึ้นทะเบียนกับสมาคมค้าปลีกไทย อีกกว่า 500,000 ร้านค้า ซึ่งถือเป็นโครงการแรกของรัฐที่ดึงร้านค้ามาร่วมโครงการได้เป็นจำนวนมาก

เงิน 10,000 ใช้จ่ายไตรมาส 4 

ทั้งนี้ จะสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ในไตรมาส 4 ของปี 2567 โดยมีเงื่อนไขในการใช้จ่ายแบ่งเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรก คือ การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้า โดยประชาชนจะสามารถใช้จ่ายได้กับร้านค้าขนาดเล็กลงไปเท่านั้น รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก ไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับท้องถิ่น

ในการซื้อสินค้า หากประชาชนที่มีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านในอำเภอใด ก็ต้องซื้อสินค้าจากร้านค้าในอำเภอเดียวกันเท่านั้นและต้องซื้อขายแบบพบหน้า ซึ่งการซื้อขายแบบพบหน้าจะมีการตรวจสอบ 3 อย่าง คือ

1. ที่อยู่ของร้านค้าที่ลงทะเบียนโครงการ ต้องอยู่ในอำเภอนั้น
2.ที่อยู่ของประชาชนตามทะเบียนบ้านในขณะลงทะเบียนโครงการ ก็ต้องอยู่ในอำเภอเดียวกัน
3.พิกัดที่อยู่ของประชาชนในขณะที่ใช้จ่ายกับร้านค้า ต้องอยู่ในเขตอำเภอ จึงจะถือว่าการชำระเงินสมบูรณ์

ส่วนที่ 2 คือ การใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า โดยร้านค้าทุกประเภทสามารถซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้ ไม่มีข้อกำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นแบบพบหน้า หรือสามารถซื้อขายสินค้าด้วยกันได้แม้อยู่ต่างพื้นที่

สำหรับประเภทสินค้า สินค้าทุกประเภทสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ยกเว้นสินค้าที่อยู่ใน Negative List ได้แก่ สลากกินแบ่งรับบาล เรื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชรพลอย อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณือิเล็กทรอนิกส์และเครื่องมือสื่อสาร อย่างไรก็ตามพาณิชย์อาจพิจารณาปรับปรุงแก้ไขรายการสินค้าที่อยู่ใน Negative List ได้ ซึ่งการใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ ไม่รวมถึงการใช้บริการหรือภาคการบริการ

ใช้แอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ios และ Andriod

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า ถือว่าเป็นการสิ้นสุดการรอคอยของประชาชนที่รอฟังการลงทะเบียนของประชาชนในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.-15 ก.ย.นี้ โดยการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" เพื่อยืนยันตัวตนทั้งใน ios และ Andriod และจะไม่มีการส่งข้อมูลหรือลิงก์ ในไลน์แอปพลิเคชันใดๆ โดยให้ผ่านทาง 2 ช่องทางนี้เท่านั้น

สำหรับการลงทะเบียนคนไทย 2 กลุ่มที่ไม่เคยเข้าแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และบางส่วนที่เคยลงทะเบียนและยืนยันตัวตนแล้วจะมีความแตกต่างกัน ทั้งนี้ ขั้นตอนการดาวโหลดแอปพลิเคชัน ทางรัฐ กดปุ่มลงทะเบียนรับสิทธิ์ จากนั้นจะให้กดยอมรับเงื่อนไขโครงการ 3 ข้อ คือผู้รับสิทธิ เงื่อนไขโครงการ และเงื่อนไขแอปพลิเคชัน กรอกหมายเลขบัตรประชาชน ชื่อที่อยู่ และเข้าสู่ขั้นตอนการถ่ายรูป เพื่อส่งข้อมูลเข้าตรวจสอบกับทะเบียนราษฎร์

อ่านข่าว : 

นายกฯ ส่ง 3 รมต.คลัง แถลงเงินดิจิทัลวอลเล็ต 24 ก.ค.

"ภูมิธรรม" แย้ม ต.ค.นี้ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

เปิดร้านค้าลงทะเบียน “ดิจิทัล วอลเล็ต” ส.ค.นี้ 1,604,000 ราย/แห่งมีสิทธิ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง