- ตร.เปิดกระเป๋าเดินทาง 8 ใบ ของชาวเวียดนาม 6 ศพ พบยาเม็ดส่ง พฐ.ตรวจ
- ปมตายหนี้ 10 ล้าน วางยา "ไซยาไนด์" สังหารหมู่ 6 ศพ
เคส 6 ศพชาวเวียดนามที่พบในโรงแรมหรูกลาง กทม. เป็นเคสแรกที่ถูกสังหารหมู่พร้อมกัน ยังให้น้ำหนักจากการถูกวางยาพิษ แต่จะถูกวางยาหรือดื่มเองต้องรอตำรวจไขคดี
รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดีฝ่ายความปลอดภัย ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์เหตุการณ์พบชาวเวียดนามเสียชีวิต พร้อมกันภายในห้องพักหรู ในโรงแรมดังย่านราชประสงค์
ตลอดทั้งคืนตำรวจนครบาล ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณชั้น 5 พร้อมเก็บวัตถุพยานภายในห้องพักแบบละเอียดยิบ หลังการแถลงข่าวพุ่งประเด็นการวางยาพิษ
ตำรวจให้น้ำหนักการถูกลอบวางยาพิษ
รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ บอกว่า เคสที่เกิดขึ้นถือเป็นการตายผิดธรรมชาติ แม้ในที่เกิดเหตุจะไม่พบว่าร่องรอยบาดแผลตามร่างกาย จากการใช้อาวุธปืน และมีด ทำให้ตำรวจพุ่งปมการเสียชีวิตน่าจะจากการถูกวางยาพิษ ส่วนเป็นการวางยาโดยใคร หรือเป็นการดื่มยาพิษเอง หรือยาพิษชนิดไหนที่ทำให้คนทั้ง 6 คนเสียชีวิตพร้อมกัน คาดว่าจะมีคำตอบเร็วๆนี้
อ่านข่าว : คดี 6 ศพเวียดนามผลตรวจพบ "สารพิษ" บางชนิดในกระบอกน้ำ
ลัทธิฆ่าตัวตาย-ยาพิษปมปริศนา
นักอาชญาวิทยา วิเคราะห์ว่า ส่วนที่มีการตั้งประเด็นว่าเป็นการดื่มยาพิษฆ่าตัวตายตามความเชื่อ หรือลัทธิที่มีการพูดถึงประเด็นนี้ เชื่อว่าการแกะรอยจากมือถือ หรือแฟลตฟอร์ม เพื่อนัดรวมกลุ่มทำกิจกรรมกันไม่ใช่เรื่องยากที่จะสืบ แต่ส่วนตัวอยากให้รู้คำตอบเรื่อง "สารพิษ" มากกว่าว่าเป็นชนิดไหนที่ต้องตรวจพิสูจน์
สำหรับประเด็นการวางยาพิษ หรือสารพิษ เพื่อสังหารเหยื่อในไทยเคยมีเคสแอมไซยาไนด์เคสเดียว แต่รูปแบบต่างกัน เพราะเลือกเหยื่อทีละคน และคนละช่วงเวลาไม่ได้สังหารหมู่
ดังนั้นการต่อจิ๊กซอว์เรื่องนี้ ในกระบวนการพิสูจน์ และเก็บพยานหลักฐานในห้องที่เกิดเหตุ พื้นที่รอบข้าง วัตถุพยาน พยานแวดล้อม รอยนิ้วมือแฝง รอยเท้า คราบดีเอ็นเอ อาหาร จาน ชาม เครื่องดื่ม เส้นผม ขน และอื่นๆ
รวมถึงความเชื่อมโยง ปูมหลังของแต่บุคคลที่เสียชีวิตแล้ว ทำอาชีพ ทำธุรกิจ และเส้นทางการเดินทางเข้าออกไทย และบุคคลใกล้ชิด เช่น ไกด์ที่พามา เพื่อน ญาติ หรือผู้ที่ถูกระบุชื่อที่จะเข้ามาพักกับผู้เสียชีวิต
ถ้าถูกวางยาพิษ ไม่ว่าจะโดย 1 ใน 6 คนเสียชีวิต หรือใครหรือคนที่เข้าถึงคนทั้ง 6 คน เกิดจากการกระบวนการปรุงอาหารให้กิน หรือดื่มยาพิษเอง จะปรากฎในไทม์ไลน์ของแต่ละบุคคลหลังรับยาพิษ
อ่านข่าว เปิดไทม์ไลน์ก่อนพบ 6 ศพห้องพูลวิลล่าโรงแรมดังย่านราชประสงค์
หลักฐานในที่เกิดเหตุพบสารพิษในถ้วยชาในห้องหมายเลข 502
พิรุธมา 5 ตาย 6 ขอร่วมทริป 7
เมื่อถามว่าลักษณะของศพ กู้ภัย บอกว่ามีร่องรอยทุรนทุราย และมีรอยจ้ำสีแดงกลางแผ่นหลังของผู้เสียชีวิต เกิดจากยาพิษชนิดใด นักอาชญาวิทยา ระบุว่า ยังไม่สามารถสรุปได้จนกว่าผลการวิเคราะห์ของนิติวิทยาศาสตร์จะออกมา
แต่หากเทียบเคียงคดี "ไซยาไนด์" ที่เป็นเคสดังในไทย พิษจะปรากฏให้เห็นในเวลาเป็นนาที หรือภายใน 1 ชั่วโมงเป็นอย่างช้าหลังได้รับสารพิษ แต่ขึ้นกับร่างกายของผู้รับพิษแต่ละคน นอกจากนี้ยังมียาพิษอีกชนิดหนึ่งที่ใช้วงการสัตวแพทย์และใช้ในคน ที่มีความรุนแรงมาก รับเพียงเล็กน้อยก็เสียชีวิตได้ทันที
นอกจากนี้รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ ยังระบุว่า พบปมความผิดปกติเรื่องการเข้ามาพักในโรงแรม ซึ่งมีการแจ้งเข้ามา 7 คน แต่มาเช็กอิน 5 คน แต่พบศพ 6 คน จุดนี้มีความจงใจ หรือเจตนาเบี่ยงเบนในการบุ๊กกิ้ง หรือจะปิดบังอำพรางหรือไม่ ตรงนี้เป็นจิ๊กซอว์ ถ้าดื่มยาพิษเองทำไมต้องพร้อมกัน 6 คน
คดีนี้ไม่น่าจะไขคำตอบยาก เพราะอยู่ในพื้นที่สถานที่ปิดสามาถเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิดที่มีมากในโรงแรม ต่างกับคดีการพบผู้เสียชีวิตในป่า
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ที่ตำรวจไทยต้องไขปริศนา "ยาพิษ" และความเชื่อมโยงของชาวเวียดนามทั้ง 6 คนที่มาเสียชีวิตในไทย
อ่านข่าว นายกฯ สั่งตรวจสอบเหตุฆาตกรรม ใน รร.ย่านราชประสงค์
ตำรวจแถลงปมคดีหนี้ 10 ล้านวางยาไซยาไนด์สังหารหมู่
ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เผยในเบื้องต้น หลังนำหลักฐานในที่เกิดเหตุ ไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
ประกอบด้วยอาหารที่เปิดรับประทานไปแล้ว แก้วน้ำ 6 แก้ว และกระบอกเก็บร้อนสแตนเลส 2 กระบอก พบสารพิษปนเปื้อน 1 ชนิด ที่อยู่ในกระบอกสแตนเลส และส่งผลอันตรายเมื่อกินเข้าไป
อ่านข่าว
สื่อนอกตีข่าวพบ 6 ศพในโรงแรมใจกลางกรุงฯ
ตร.ยืนยันชาวเวียดนาม 6 ศพถูกฆาตกรรมในโรงแรมดัง เร่งตามคนที่ 7