วันนี้ (14 มิ.ย.2567) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบาย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายนิกร จำนง ประธานคณะที่ปรึกษาฯ นางจิตติมา กรีอารี พม.จ.สมุทรปราการ
นายวิเชียร ไชยสอน ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนยุติธรรม และนายไกยวัลย์ จิระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจแม่น้องการ์ตูน (ซึ่งมีผู้ก่อเหตุเมาแล้วขับ ขับรถชนจนต้องพิการ มาเป็นเวลาหลายปี) ที่ร้านสเต็กแม่การ์ตูน ย่านราษฎร์บูรณะ กทม.
น.ส.กัญจนา กล่าวว่า จากกรณีแม่น้องการ์ตูน ขอทนายช่วยฟ้องล้มละลายคู่กรณี ก่อนหมดอายุความ” ซึ่งทาง ศรส. กระทรวง พม. ได้รับรายงานจาก ศรส.จ.สมุทรปราการ ทราบว่า ทีม ศรส.จ.สมุทรปราการ ได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันเด็กยังได้รับการรักษาและได้รับเบี้ยความพิการเดือนละ 800 บาท โดยเด็กอยู่กับแม่ อายุ 42 ปี อาชีพค้าขาย รายได้ไม่แน่นอน ต้องหารายได้เพียงคนเดียว และไม่เพียงพอ อีกทั้งเวลาพาเด็กไปหาหมอต้องจ้างรถพยาบาลครั้งละหลายพันบาท เนื่องจากเด็กติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ตนทราบว่า คดีความครบ 10 ปี จะหมดอายุความในเดือน ก.ย.นี้แล้ว แต่คู่กรณียังไม่ได้จ่ายอะไรให้กับครอบครัวนี้ ตามที่ศาลสั่ง ตนรู้สึกสงสารและเห็นใจ จึงมาดูว่ามิติของภาครัฐ จะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
วันนี้นายนิกร จำนง ได้ประสานกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ซึ่งท่านได้มอบหมายผู้แทนเข้าร่วมเจรจาพูดคุยด้วย อีกมิติหนึ่งคือ ตนต้องการมาให้กำลังใจแม่ของน้องการ์ตูน ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว สู้ชีวิต ดูแลลูกที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก ที่ประสบเหตุกับคนที่ไร้ความรับผิดชอบ
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเบื้องต้น หลังจากที่พูดคุยกันในวันนี้ คือเราจะใช้มิติทางกฎหมายในทุกแง่มุมที่สามารถทำได้ ก่อนที่คดีจะหมดอายุความในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งคุณแม่ของน้องการ์ตูนจะฟ้องล้มละลายต่อคู่กรณี เพราะขณะนี้ คู่กรณีอ้างเพียงอย่างเดียวว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ซึ่งในทางพฤตินัยทราบว่า ยังใช้ชีวิตสุขสบาย ไม่ได้ยากจนแต่อย่างใด และทราบว่าทำตัวเหมือนไม่มีทรัพย์สิน ดังนั้นจึงต้องเข้าสู่การฟ้องล้มละลาย
น.ส.กัญจนา กล่าวต่อว่า ในวันเดียวกันนี้ทางกระทรวงยุติธรรมได้นำแบบฟอร์มมาให้คุณแม่ของน้องการ์ตูนกรอกเพื่อเตรียมยื่นฟ้องล้มละลายในทันที ซึ่งคาดว่าการพิจารณาคดีของศาลล้มละลายนั้น น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จะทำให้อย่างน้อยคู่กรณีมีตำหนิติดตัว และขณะเดียวกันเราพยายามสืบทรัพย์
“ต้องขอฝากกระทรวงยุติธรรมว่า เวลาเกิดเหตุเช่นนี้ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไปได้ เนื่องจากคนเมาขับรถชน แต่กลับทำตัวไม่มีทรัพย์สิน ไม่รับผิดชอบต่อสังคมและเหยื่อ ทำให้เหยื่อต้องทนทุกข์รับเคราะห์ ทางกระทรวงยุติธรรมจะมีมาตรการหรือสามารถแก้ไขกฎระเบียบใดได้บ้าง เพื่อเอื้ออำนวยต่อเหยื่อ และไม่ให้ผู้กระทำผิด ใช้ช่องในการถ่ายเททรัพย์สินเพื่อให้ตัวเองเป็นคนที่ไม่มีทรัพย์สิน”
สำหรับกรณีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2557 น้องการ์ตูนถูก น.ส.น้ำผึ้ง ขับรถกระบะเสียหลักพุ่งเข้าชนร้านสเต็กลุงใหญ่ เลขที่ 1307 ปากซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ
ทำให้ นายภาณุทัต อายุ 42 ปี เจ้าของร้านสเต็กลุงใหญ่ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และ น้องการ์ตูนอายุ 5 ขวบ ลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง
วันที่ 18 ส.ค.2558 ศาลอาญาธนบุรี พิพากษาจำคุก น.ส.น้ำผึ้่ง 2 ปี 6 เดือน เนื่องจากให้การรับสารภาพ แต่ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ปรับ 3,000 บาท และสั่งให้จำเลยชดใช้สินไหมทดแทนรวม 6,336,000 บาท
แต่หลังจาก น.ส.น้ำผึ้งออกมาจากเรือนจำแล้ว ทางครอบครัวของน้องการ์ตูนก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ก่อเหตุ และยังไม่ได้รับเงินชดใช้เยียวยาแต่อย่างใด
อ่านข่าว : เคาะแล้ว ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซื้อ "สมาร์ทโฟน" ได้
ฝนพรำนำเชื้อโรค เสริม "วิตามินซี" เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย