โปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราชฯ 6 อดีตตำรวจ ผิดวินัย-ประพฤติชั่วร้ายแรง

สังคม
11 มิ.ย. 67
07:57
7,877
Logo Thai PBS
โปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราชฯ  6 อดีตตำรวจ ผิดวินัย-ประพฤติชั่วร้ายแรง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
โปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อดีตตำรวจ 6 นาย กระทำผิดวินัย และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

วันที่ 10 มิ.ย.2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยมีรายละเอียดความว่า

ทรงพระกรุณโปรดกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่อดีตข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 6 ราย ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา เนื่องจากได้กระทำความผิดในขณะรับราชการและถูกลงโทษทางวินัยและอาญา ตามข้อ 6 ข้อ 7 (2) และ (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 ดังนี้

1.นายปพนเดช นวลสี ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ (งานคดี) (สอบสวน) สน.บางมด กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.2563 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและไม่กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกเลยตามมาตรา 79 (2) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญทองช้างเผือก

2.นายศิริมงคล กองสุข ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ งานจราจร สน.ธรรมศาลา กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.2561 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่า เป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 79 (5) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2562 ฐานฆ่าผู้อื่น ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานบุกรุกโดยมีอาวุธปืนในเวลากลางคืน และฐานพาอวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเปิผยและโดยไม่มีเหตุสมควร ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นเบญจมาภรณ์มกุฎไทย เหรียญทองช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา

3.นายสุพจน์ บุญทิพย์ ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ งานป้องกันปราบปราม สน.บุคคโล กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2563 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกระทำหรือละเว้นการกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 79 (1) (2) (5) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2564 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเหรียญทองช้างเผือก

4.นายปริญญา จิตหาญ ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ งานสืบสวน สน.บวรมงคล กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.2560 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ และกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 79 (1) และ (5)แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2566 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์ มงกุฎไทย และเหรียญทองช้างเผือก

5.นายสมคิด กลิ่นบุญแก้ว ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ 1 กองกำกับการอารักขา 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกลงโทษปลดออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.2562 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือโทษที่หนักกว่าโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือให้รับโทษที่หนักกว่าโทษจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิด ลหุโทษ และกระทำการอันไต้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 79 (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2562 ฐานฆ่าผู้อื่น ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโดยไม่มีเหตุสมควร ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเหรียญทองช้างเผือก

6.นายเอกอนันต์ พันธุวัฒนา ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ ฝ่ายอำนวยการ 7 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.2561 เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือโดยมีพฤติการณ์ อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ตามมาตรา 79 (2) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และเป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยกรณีที่เป็นความผิดที่ปรากฎชัดแจ้ง พ.ศ.2547 ข้อ 3 (2) ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสิริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญทองข้างเผือก และเหรียญจักรมาลา

ทั้งนี้ บุคคลทั้ง 6 ราย เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว

ประกาศ ณ วันที่ 6 มิ.ย.2567 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง