Climate Tech "เทรนด์ใหม่" พาณิชย์ ดันไทยรองรับเทคโน-ดิจิทัล

เศรษฐกิจ
5 มิ.ย. 67
11:34
228
Logo Thai PBS
Climate Tech "เทรนด์ใหม่" พาณิชย์ ดันไทยรองรับเทคโน-ดิจิทัล
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สนค.ชี้ Climate Tech เทรนด์เทคโนโลยีและธุรกิจมาแรง คาดตลาดใหม่ของโลกอนาคตเติบโตถึง 1.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แนะผู้ประกอบการไทย เตรียมรับมือธุรกิจใหม่ยกระดับเศรษฐกิจไทย

วันนี้ (5 มิ.ย.2567) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น และก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อผู้คน สิ่งมีชีวิต ธรรมชาติ รวมถึงภาครัฐและภาคธุรกิจ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.)

ดังนั้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech ที่เป็น ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้อย่างยั่งยืน

 ทุกประเทศและทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน ซึ่ง Climate Tech เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้

ข้อมูลสถิติทั่วโลก มีการคาดการณ์ว่าปี 2566 ตลาด Climate Tech ทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก 10 ปีข้างหน้า ทำให้ในปี 2576 อาจมีมูลค่าสูงถึง 1.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 24.5 ต่อปี

Climate Tech จะช่วยพัฒนาศักยภาพและโอกาสทางการค้าและการลงทุนของแต่ละประเทศ เนื่องจาก Climate Tech อาจช่วยดึงดูดเงินลงทุนทั่วโลกได้มากถึง 1.5 – 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายในปี 2567

ผอ.สนค.กล่าวอีกว่า การเติบโตของตลาด Climate Tech เป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น กระตุ้นความต้องการเทคโนโลยีสำหรับป้องกันและแก้ไขปัญหา ความตระหนักของผู้บริโภค ทำให้ความต้องการสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น

รวมถึงนโยบายและมาตรการภาครัฐ ที่สนับสนุนการเงิน ลดหย่อนภาษี ส่งเสริมการลงทุน อำนวยความสะดวกด้านกฎหมาย รวมถึงกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซางกลไกราคาคาร์บอน ซึ่งช่วยกระตุ้นภาคเอกชนให้หาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ Climate Tech โดยเฉพาะระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) โครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบขนส่งสาธารณะ

ทั้งนี้ Climate Tech ยังสร้างโอกาสด้านอื่น ๆ เช่นการพัฒนานวัตกรรมสำหรับแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม การสร้างงานในการผลิต การติดตั้ง และการบำรุงรักษา การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร รวมถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น บริษัทจสกสวิตเซอร์แลนด์ พัฒนาเครื่องมือและวิธีการกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บอากาศโดยตรง ซึ่งสามารถนำไปใช้ชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และช่วยให้แต่ละประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ได้

หรือแม้แต่เยอรมนี ที่ให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในครัวเรือน และก่อตั้ง SonnenCommunity ที่รับซื้อพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินจากครัวเรือนในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อนำไปใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง รวมไปถึงบริษัทในเครือของ Googleที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าสำหรับบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) รวมถึงให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลนิสัยของผู้อยู่อาศัยด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และจัดทำตารางเวลาสำหรับปรับอุณหภูมิภายในบ้าน เพื่อลดการใช้พลังงานและลดค่าใช้จ่ายภายในบ้าน

ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างนวัตกรรมที่ช่วยกระตุ้นการค้า การลงทุน ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อม มีการทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเชื่อมโยงการค้า การตลาด การวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Innovation for Sustainable Trade ส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อการค้าที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการใช้นวัตกรรมในการเพิ่มปริมาณผลผลิต และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศของไทย

ในอนาคตอันใกล้นี้ Climate Tech จะกลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีและธุรกิจสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ ที่สร้างโอกาสทางธุรกิจและก่อให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ Climate Tech ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอยู่ โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีราคาแพง และทักษะของแรงงาน ดังนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนากลไก นโยบาย และโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ Climate Tech ซึ่งจะขับเคลื่อนและยกระดับภาคธุรกิจไทยสู่การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งสร้างเศรษฐกิจให้โตได้

อ่านข่าว:

เช็กเงื่อนไข เที่ยว-อบรม-เมืองรองลดหย่อนภาษีได้

เปิดใจ "แสงชัย" ค่าแรง 400 บาท อย่ากระชากแรงจน SMEs ล้มตาย

ETDA ชี้มูลค่า "อีคอมเมิร์ซไทย" ปี 66 เฉียด 6 ล้านล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง