"ทนายเดชา-หลวงพ่อ" ยันหลักฐานชัดภรรยา "เสี่ยต้น" จ้างวานฆ่า

อาชญากรรม
3 มิ.ย. 67
13:30
2,969
Logo Thai PBS
"ทนายเดชา-หลวงพ่อ" ยันหลักฐานชัดภรรยา "เสี่ยต้น" จ้างวานฆ่า
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ทนายเดชา-หลวงพ่อ ตั้งโต๊ะแถลงคดี "เสี่ยต้น" หลังตำรวจจับภรรยาข้อหา "จ้างวานฆ่า" และผู้ก่อเหตุอีก 2 คน คาดปมมรดก 16 ล้านบาท เตรียมคัดค้านการประกันตัว

กรณีตำรวจจับ “ภรรยาเสี่ยต้น” นายพิชิต หรือเสี่ยต้น นักธุรกิจร้านนวดไทย หลังควบคุมทีมก่อเหตุ พร้อมผู้จ้างวานได้แล้ว 4 คน ยังเหลือมือปืนอีก 1 คน 

วันนี้ (3 มิ.ย.2567) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่าย ทนายคลายทุกข์ ทนายความฝั่งน้องสาวและครอบครัว นายพิชิต กลีบจินดา หรือ “เสี่ยต้น” อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย ซึ่งถูกคนร้ายประกบยิงพื้นที่ สน.วังทอง หลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนไปเสียชีวิตปริศนาที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม

ทนายเดชา กล่าวว่า เนื่องจากมีหลักฐานโยง "ภรรยาเสี่ยต้น” ถูกจับความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทนายเดชาบอกว่า การที่ศาลออกหมายจับก็แสดงว่า มีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า ผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดฐานจ้างวานฆ่า” เช่น กล้องวงจรปิด และคนขับ และคนยิง คนชี้เป้า หลักฐานการจ่ายเงิน

ต้องชื่นชมตำรวจนครบาลว่า ได้หลักฐานมาครบถ้วย ข้อมูลการใช้โทรศัพต์ เป็นคดีที่มีพยานหลักฐานแน่ และไม่ผิดตัวแน่นนอนที่ตำรวจออกหมายภรรยาจ้างวานฆ่า

อ่านข่าว เปิดแผนทีมลอบยิง "เสี่ยต้น" พบเชื่อมโยงการเสียชีวิตที่มหาสารคาม

ตำรวจเข้าจับกุมแจ้งข้อหาภรรยาเสี่ยต้น ข้อหาจ้างวานฆ่า

ตำรวจเข้าจับกุมแจ้งข้อหาภรรยาเสี่ยต้น ข้อหาจ้างวานฆ่า

ตำรวจเข้าจับกุมแจ้งข้อหาภรรยาเสี่ยต้น ข้อหาจ้างวานฆ่า

ส่วนปมในการการจ้างวานฆ่านั้น ทนายเดชา กล่าวว่า เป็นปัญหาทะเลาะภรรยา น้องสาวเป็นหลัก และการที่มีผู้หญิงอื่น จนถึงขนาดว่าจะเลี้ยงดูหรือไม่ รวมทั้งอ้างว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและการด่าทอ และเงินประกัน 16 ล้านบาท และอาจเป็นแรงจูงใจการจ้างวานฆ่า การจับกุมในคดีนี้ ตามกฎหมายใหม่ จะมีการบันทึกภาพและเสียงว่า ผู้ต้องหายอมรับหรือไม่

มีหลักฐานการโอนเงินค่าจ้าง 300,000 บาท จนศาลออกหมายจับ โดยมือปืนมีการสะกดรอยตามจะไปยิงตามร้านต่าง ๆ เชื่อว่าจะเอาคนผิดตัวจริงมาลงโทษ

ทั้งนี้ หลวงพ่อของเสี่ยต้น จะขอคัดค้านการประกันตัวเพราะกลัวจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานต่าง ๆ

หลวงพ่อของนายพิชิต ร่ำไห้ตลอดช่วงที่ให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่า อาตมาขอขอบคุณตำรวจที่ดำเนินการด้วยความเที่ยงตรง สิ่งนี้ขอให้กรรมเป็นผู้ตัดสิน

ขอบคุณทุกท่านที่ดำเนินการอย่างเต็มที่ ขอให้มีความเจริญ มีความสุขในหน้าที่การงาน

หลวงพ่อของนายพิชิต กล่าวว่า ตอนที่ทราบข่าวลูกชายก็รู้สึกใจหาย เพราะเพิ่งไปส่งที่สนามบิน ไม่คิดว่าจะไปเร็ว ช่วงที่แม่โทรศัพท์มาแจ้งข่าวว่าลูกเสียชีวิตก็พูดไม่ออก อายุเพิ่ง 45 ปี ปกติลูกคนดังกล่าวช่วยดูแลมาตลอด เขาเป็นคนดี บอกบุญอะไรก็ช่วยตลอด ไม่เคยอยากมีปัญหากับใคร พร้อมยกกรณีถูกทำร้ายที่พัทยา นายพิชิตก็ไม่ได้ดำเนินคดีผู้ใด

ก่อนเกิดเหตุลอบยิง 1-2 วัน หลวงพ่อได้โทรศัพท์ไปหาลูกชาย เขาบอกว่าอยู่บ้าน จึงได้มาดูและเห็นว่านอนอยู่บ้าน พร้อมตักเตือนว่าเป็นเจ้าของต้องดูแลร้าน วันถัดมาก็ได้มาหาลูกชายที่บ้านอีกครั้ง พบว่ายังไม่ไปทำงาน และบอกว่ายังตกลงกันไม่ได้ ซึ่งมีลักษณะท่าทีนิ่ง

ส่วนตัวไปที่บ้านไม่เคยพบภรรยา แต่คิดว่านายพิชิตรักภรรยามาก ก่อนหน้านี้คิดอยู่ในใจตั้งแต่วันไปงานศพที่ จ.มหาสารคาม ว่าถูกคนใกล้ชิดทำร้าย ไม่มีสาเหตุอื่น และก่อนเดินทางไป จ.มหาสารคาม ได้บอกลูกให้พาตำรวจไปด้วย แต่เจ้าตัวไม่ยอมไป

คิดได้อย่างเดียวว่า คนที่เขารักเป็นคนทำ นี่คงเป็นกรรมของเขาที่ได้สร้างมา เลยเกิดปัญหาขึ้นมา

ขณะที่ มารดาของเสี่ยต้น กล่าวว่า ขอบคุณตำรวจและทุกหน่วยงานที่ช่วยติดตามคดีนี้ และอยากถามว่า มดทำไมทำกับลูกแม่ขนาดนี้ เงินทองสมบัติได้ไปหมดแล้ว ทำไมยังมาเอาชีวิตไปอีก สมบัติไม่พอหรือ ถึงมาเอาชีวิตไป ตอนนี้แม่ก็ขาดเสาหลักไป

ลูกไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัว จะไม่ให้คนใกล้ชิดหรือญาติเล่าให้เลยเพราะกลัวแม่จะรู้เพราะเป็นคนขี้น้อยใจ แม้ว่าจะทะเลาะกัน หรือ แยกกันอยู่ เชื่อว่า ครั้งแรกอาจจะลงมือไม่สำเร็จจึงมาก่อเหตุอีกครั้งและน่าจะเป็นคดีเดียวกัน ทั้งนี้แม่ ยังระบุว่า ไม่ทราบสาเหตุของการก่อคดีนี้ได้เลย

มารดาของเสี่ยต้น ยังกล่าวว่า ฐานะครอบครัวฝ่ายหญิง อาจไม่มีอะไรมาก ทางครอบครัวเราจะมีมากกว่า เมื่อคบหากันจึงช่วยกันทำมาหากิน ฐานะก็ดีขึ้นและตนก็ช่วยเลี้ยงลูกให้ ปกติเขาก็เรียบร้อยดี อยู่ด้วยกันมา หลายสิบปีสามีไปไหน ลูกสะใภ้ก็ไปด้วย ไม่เคยแยกกัน 

ด้าน “เจ” น้องสาวของเสี่ยต้น กล่าวว่า หลังจากที่พี่ชายถูกลอบยิง ก็เริ่มสงสัย และพบว่าเสี่ยต้นแยกกันอยู่กับภรรยา จากนั้นเริ่มหาข้อมูลความเชื่อมโยงเหตุการณ์ จนกระทั่งพี่ชายไปเสียชีวิตที่ จ.มหาสารคาม หลังจากเดินทางไปเพียง 1 วัน จึงมองว่าไม่ปกติ

ส่วนที่ไม่งานศพของพี่ชาย เพราะกลัวว่าตัวเองจะเสี่ยงทำอะไร เพราะตอนนั้นยอมรับว่าโกรธแค้นมาก และคิดว่าต้องมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับความตายของพี่ชาย จึงหาข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ

ส่วนจุดแตกหักต่างที่ทำให้ภรรยาต้องจ้างวานฆ่าพี่ชาย ส่วนหนึ่งเชื่อว่าต่างมีกิ๊ก ซึ่งส่งข้อมูลให้กับตำรวจไปแล้ว ซึ่งเรื่องที่ออกผ่านสื่อมีทั้งบางส่วนที่ตรงกับข้อเท็จจริงและมีเบื้องหลังที่มากกว่านั้น

นอกจากนี้ หลวงพ่อยังแจงปมเงิน 2 ล้านบาท ยืนยันว่า เป็นข้อเสนอจากภรรยาของลูกชายที่บอกว่าถ้าไม่นำศพไปผ่า ก็อาจจะได้เงินประกัน 16 ล้านบาทบ้าง และจะแบ่งให้ครอบครัว 2-3 ล้านบาท

แต่จากนั้นบอกไปว่าไม่ได้เงิน และไม่ต้องการเงินก้อนนี้เพราะอยู่ที่วัด แต่บอกว่าให้ยกคอนโดมิเนียมที่แม่อาศัยอยู่ และสร้างกุฎิให้ 1 หลัง แต่ตอนนั้นไม่ได้เชื่อว่าจะได้อะไร แค่รับฟังไว้เท่านั้น  

อ่านข่าว : บุกจับ ภรรยา “เสี่ยต้น” นักธุรกิจนวดไทย ตั้งข้อหาจ้างวานฯ ฆ่าสามี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง