- ภรรยาปัดเอี่ยว "ฆ่าเสี่ยต้น" ส่วนอีก 2 คนทีมยิงรับสารภาพ
- ครอบครัว "เชื่อมจิต" บุกพม.ยื่นคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก 8 ขวบ
วันนี้ (3 มิ.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยผลการสืบสวนในคดีการเสียชีวิตของนายพิชิต หรือเสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจร้านนวดแผนไทย ว่า พฤติการณ์ในคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกัน 2 เหตุการณ์ ทั้งในวันที่ 8 เม.ย.2567 ที่นายพิชิตถูกประกบยิงในพื้นที่ สน.วังทองหลาง ไปจนถึงการเสียชีวิตที่บ้านภรรยา จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2567 โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ญาติสงสัยในการเสียชีวิต พร้อมแจ้งความขอให้ตำรวจสืบสวนคดี
แนวทางการสืบสวนของตำรวจ พบเบาะแสว่า ก่อนเกิดเหตุนายพิชิตทะเลาะวิวาทกับ น.ส.วรรณิภา ผู้เป็นภรรยาหลายครั้ง และมีการทำร้ายร่างกายกัน ช่วงปลายเดือน มี.ค.2567 น.ส.วรรณิภา เริ่มหามือปืนเพื่อก่อเหตุ จนได้ติดต่อกับนายณัฐพล มือปืน และนัดหมายกัน
วันที่ 1 เม.ย.2567 นายณัฐพล ได้เดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯ และพบกับ น.ส.วรรณิภา จากนั้น น.ส.วรรณิภา โอนเงินและให้เงินสดกับนายณัฐพล ตั้งแต่วันที่ 1-7 เม.ย.2567 เป็นค่าจ้างวาน และในการเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อก่อเหตุ โดยนายณัฐพล และนายสาโรจน์ ให้การช่วยเหลือจัดหาที่พัก จัดหาอาวุธปืน และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งตำรวจพบข้อมูลการโอนเงินค่าจ้างจาก น.ส.วรรณิภา ให้กับนายสาโรจน์ด้วยเช่นกัน
ในระหว่างเตรียมการ น.ส.วรรณิภา และนายณัฐพล มือปืน ติดต่อกันเสมอ โดย น.ส.วรรณิภา คอยแจ้งความเคลื่อนไหวให้นายณัฐพลทราบ เมื่อนายณัฐพล มือปืนทราบความเคลื่อนไหวของนายพิชิต ก็พยายามวางแผนเพื่อลงมือก่อเหตุประมาณ 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ทำให้นายณัฐพลกับ น.ส.วรรณิภา ร่วมกันวางแผนอีกครั้ง โดยล่อให้นายพิชิต เดินทางไปสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เพื่อก่อเหตุซ้ำอีก
วันนัดหมายคือ วันที่ 8 เม.ย.2567 นายพิชิตไปสถานบันเทิงตามนัด แต่เมื่อนายพิชิตไปถึง น.ส.วรรณิภาได้ยกเลิกนัดกับนายพิชิต จากนั้นนายพิชิตเดินทางกลับบ้านและถูกผู้ก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ จึเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง
ตำรวจสืบสวนแกะรอยหาตัวผู้ก่อเหตุ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางของผู้ก่อเหตุ พบว่า ก่อนก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากซอยรามอินทรา 62 หลังก่อเหตุยิงแล้วก็หลบหนีกลับเข้าไปในซอยรามอินทรา 62 ซึ่งการตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักของนายสาโรจน์
ขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุกับนายพิชิตไม่นาน น.ส.วรรณิภา นัดหมายให้นายพิชิตไปที่บ้านเกิดของตัวเองในพื้นที่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม โดยนัดไปในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เพื่อไปพูดคุยเรื่องปัญหาครอบครัว โดย น.ส.วรรณิภา เป็นผู้จองตั๋วเครื่องบินให้กับนายพิชิต
นอกจากนี้ น.ส.วรรณิภา ยังบอกด้วยว่าหากนายพิชิตไม่เดินทางมาจะตัดขาดความสัมพันธ์ และขายทุกอย่างให้หมด
วันที่ 15 เม.ย.2567 นายพิชิตเดินทางถึงบ้านของ น.ส.วรรณิภา ตามนัด และได้ล้อมวงดื่มสุรากัน ซึ่งมีพยานยืนยันว่าในคืนนั้นนายพิชิต อยู่กับ น.ส.วรรณิภา เป็นคนสุดท้าย ก่อนที่จะพบว่านายพิชิตเสียชีวิตในเช้าวันที่ 16 เม.ย.2567
ตำรวจ ระบุอีกว่า หลังจากที่นายพิชิตเสียชีวิต น.ส.วรรณิภา พูดจาหว่านล้อมญาติทุกคนว่าไม่ให้ร้องขอผ่าชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ทั้งที่ญาติได้มีการทักท้วงแล้วว่า เป็นการตายผิดธรรมชาติ แต่ น.ส.วรรณิภา กลับเร่งให้เผาศพทันที ซึ่งเป็นการพยายามทำลายหลักฐาน เพื่อไม่ให้ตำรวจสืบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ นอกจากนี้ น.ส.วรรณิกา ยังได้เสนอผลประโยชน์และทรัพย์สินต่างตอบแทนให้กับญาติของนายพิชิตด้วย
พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า ด้วยพยานหลักฐานที่ตำรวจร่วมกันสืบสวนและสอบสวนพยานอย่างละเอียดรอบคอบ ทำให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหารวม 3 คน ประกอบด้วย น.ส.วรรณิภา ฐานเป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, นายสาโรจน์ และนายวีรภัทร ต้องหาในคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้อนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ส่วนมือปืน คือ นายณัฐพล อยู่ระหว่างหลบหนี คาดว่าหนีกบดานในพื้นที่ชายแดน ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติตดามตัวมาดำเนินคดี
ภายหลังการเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนในชั้นจับกุม น.ส.วรรณิภา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายสาโรจน์ ให้การภาคเสธว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.วรรณวิภา ติดต่อและจ้างวานให้เป็นธุระจัดหาในเรื่องอาวุธปืน ยานพาหนะ ติดต่อประสานหามือปืน โดยได้รับเงินโอนจาก น.ส.วรรณวิภา แต่ได้โอนต่อให้แก่มือปืนแล้ว
ด้านนายวีรภัทร ให้การรับสารภาพว่า ในวันที่ 8 เม.ย.2567 เป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์พามือปืนไปก่อเหตุพยายามฆ่านายพิชิตจริง